ซิดนีย์ 7 มี.ค.- สถานีวิทยุหลายแห่งในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแคนาดาพร้อมใจไม่เปิดเพลงของไมเคิล แจ็คสัน ราชาเพลงป็อบที่ล่วงลับไปนานเกือบ 10 ปี หลังจากมีการเปิดเผยตัวชายสองคนที่อ้างว่า ถูกแจ็คสันล่วงละเมิดทางเพศหลายปีตอนเด็ก
ผู้กำกับรายการของโนวาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ในออสเตรเลียเผยว่า คลื่นวิทยุสมูธเอฟเอ็มของบริษัทงดเปิดเพลงของแจ็คสันตามกระแสสังคมในช่วงนี้ หลังจากเอชบีโอออกอากาศรายการสารคดีเรื่อง Leaving Neverland ในสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ เล่าเรื่องราวของเวด ร็อบสันและเจมส์ เซฟชัค ที่อ้างว่าถูกแจ็คสันล่วงละเมิดทางเพศตอนอายุ 7 และ 10 ขวบ ส่วนที่นิวซีแลนด์ เพลงของแจ็คสันแทบหายไปจากสถานีวิทยุ หลังจากมีเดียเวิร์คส์และเอ็นซีเอ็มอี (NZME) สองบริษัทที่ครองตลาดสถานีวิทยุพาณิชย์งดเปิดเพลงของเขา ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาของมีเดียเวิร์คส์เผยว่า ไม่ได้ตัดสินว่าแจ็คสันล่วงละเมิดทางเพศเด็กหรือไม่ แค่เปิดเพลงที่ผู้ฟังอยากฟังเท่านั้น
ด้านสถานีวิทยุในแคนาดาสิบกว่าแห่งเผยว่า จะไม่เปิดเพลงฮิตของแจ็คสันอย่าง Billie Jean และ Bad ไปสักพัก เพราะต้องเอาใจใส่ความเห็นของคนฟัง และสารคดีของเอชบีโอก็สร้างปฏิกิริยาพอสมควร ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า บีบีซีของอังกฤษก็งดเปิดเพลงแจ็คสันเช่นกัน บีบีซีชี้แจงเผยว่า ไม่ได้แบนแจ็คสัน ส่วนการจะเลือกเปิดเพลงในแต่ละสถานีที่มีความแตกต่างกันก็เป็นไปตามลักษณะผู้ฟังและบริบทเที่เกี่ยวข้อง
สารคดีเรื่อง Leaving Neverland ยาว 4 ชั่วโมง แบ่งออกเป็นสองตอน ฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอกย้ำข้อกล่าวหาเรื่องราชาเพลงป็อบล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่ลือมาตั้งแต่เขายังมีชีวิตอยู่จนกระทั่งเขาจากโลกนี้ไปด้วยวัย 50 ปี ในปี 2552 เพราะรับประทานยาเกินขนาด แต่ยังไม่มีข้อกล่าวหาใดที่มีหลักฐานมีน้ำหนัก กองมรดกของแจ็คสันยื่นฟ้องเอชบีโอต่อศาลลอสแอนเจลิส เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,189 ล้านบาท) โดยอ้างในคำฟ้องหนา 53 หน้าว่า เอชบีโอละเมิดข้อตกลงไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จากการออกอากาศสารคดีดังกล่าว.- สำนักข่าวไทย