ฮ่องกง 14 ก.พ.- นิตยสารฟอร์บส์รายงานว่า มหาเศรษฐี 50 อันดับแรกของฮ่องกงมีทรัพย์สินในปีที่แล้วลดลงราว 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 626,900 ล้านบาท) เพราะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หุ้นฮ่องกงร่วง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงลดความร้อนแรง
ฟอร์บส์รายงานเมื่อค่ำวันพุธว่า ปีที่แล้วมหาเศรษฐีกลุ่มนี้มีทรัพย์สินรวมกัน 286,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.99 ล้านล้านบาท) ลดลงจากปีก่อนหน้านั้นที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.88 ล้านล้านบาท) เป็น 307,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.63 ล้านล้านบาท) นางพอลลีอันนา จู วัย 60 ปี เศรษฐีนีอันดับที่ 14 ของฮ่องกงมีทรัพย์สินลดลงมากที่สุดถึงร้อยละ 75 เหลือ 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 103,537 ล้านบาท) เพราะหุ้นคิงสตันไฟแนนเชียลกรุ๊ป บริษัทการลงทุนของเธอร่วงหนักตามตลาดหุ้นฮ่องกงที่ร่วงถึงร้อยละ 9.4
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ชี้ว่า ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีฮ่องกงมักผูกโยงกับตลาดหุ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและสงครามการค้าจีน-สหรัฐที่ทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน มหาเศรษฐีฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐคือ สามีภรรยาเจ้าของเบียลคริสตัล ผู้ผลิตหน้าจอรายใหญ่ที่สุดของไอโฟน ทรัพย์สินลดลงถึงร้อยละ 57 เพราะยอดขายไอโฟนในจีนทรุดหนัก ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงราวร้อยละ 10 ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากทะยานจนเกินเอื้อมมาร่วมทศวรรษก็ทำให้มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์อย่างนายลี กาชิง วัย 90 ปี ผู้ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง ทรัพย์สินหายไป 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 125,500 ล้านบาท) เหลือ 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) มหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเมื่อปีก่อนมีเพียงคนเดียวคือ นายลี หมั่นทัต วัย 90 ปี เจ้าของธุรกิจซอสน้ำมันหอย รวยขึ้นสองเท่าเป็น 17,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 536,450 ล้านบาท).- สำนักข่าวไทย