ส่องโรงงานปั้นนางงาม ไม่ง่าย..!! กว่าจะได้ “มง”

ฟิลิปปินส์ 20 ธ.ค.- เบื้องหลังมหาอำนาจนางงาม “ฟิลิปปินส์” หยาดเหงื่อ คราบน้ำตา และความลุ่มหลงในความงาม


ฟิลิปปินส์เคยมีตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในจักรวาลเท่ากับประเทศไทย คือ 2 คนอยู่นานหลายปี จนกกระทั่ง เพีย วูร์ทซบาค สามารถรคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สมาได้ในการประกวดประจำปี 2015 และล่าสุดกับการประกวดในประเทศไทยที่ตัวแทนของฟิลิปปินส์อย่าง แคทรีโอนา เกรย์ ที่คว้ามงกุฎไปครองได้ในท้ายที่สุด จนกลายเป็นผู้หญิงชาวฟิลิปปินส์คนที่ 4 ที่ได้รับตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในจักรวาลไปครอง


ในฟิลิปปินส์ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงนิยมการประกวดนางงาม และมองว่าเวทีประชันโฉมไม่ได้เป็นเรื่องการเหยียดเพศ แต่ตรงกันข้ามชาวฟิลิปปินส์ยังเชื่อว่า “เวทีประกวดนางงาม” คือการเชิดชูสตรี และเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงพลังในตัวเองออกมาด้วย

ธุรกิจเวทีประกวดเม็ดเงินมหาศาล ความนิยมในการประกวดนางงามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาจนทำให้ธุรกิจเวทีประกวดมีเม็ดเงินหมุมเวียนเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง จากเดิมในปี 2010 ธุรกิจประกวดสาวงามในฟิลิปปินส์ได้รับเงินสปอนเซอร์จากภาคธุรกิจรวมทั้งหมดประมาณ 2.78 ล้านเปโซ (1.7 ล้านบาท) ตัวเลขก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 35 ล้านเปโซ (24 ล้านบาท) ในปี 2014 ยอดขายตั๋วเข้าชมการประกวดนางงามยังพุ่งกระฉูดจาก 1.2 ล้านใบในปี 2010 เป็น 4 ล้านใบในปี 2014 ด้วย


โรงงานผลิตสาวงาม สาวสวยจำนวนมากในกรุงมะนิลา และหัวเมืองใหญ่ๆ ของฟิลิปปินส์ จะเข้ารับการฝึกฝนระดับมืออาชีพ ทั้งการเดินในรองเท้าส้นสูง ฝึกโพสท่า ฝึกการยิ้มแย้ม และการแสดงออกบนเวทีประกวด รวมถึงฝึกฝนในการโชว์โฉมในชุดว่ายน้ำ ตั้งแต่พวกเธอบางคนยังใช้คำนำหน้าว่า “เด็กหญิง” ด้วยซ้ำ

ในฟิลิปปินส์จะมี “ศูนย์ฝึก” สำหรับอบรบหญิงสาวเพื่อเตรียมความพร้อมในการขึ้นเวทีประกวดอยู่มากมาย รวมถึง Kagandahang Flores  หรือ “โรงเรียนดอกไม้งาม” ของ โรดิน กิลเบิร์ต ฟลอเรส ที่เคยฝึกฝนจน บี โรส ซานติอาโก สามารถคว้าตำแหน่ง Miss International 2013  และ เจมี แฮร์เรล ได้ครองตำแหน่ง Miss Earth 2014 มาแล้ว

ฟลอเรส เชี่ยวชาญในการฝึกฝนการเดินบนเวทีประกวด ด้วยลีลาที่เรียกกันว่า “ท่าเป็ด” ซึ่งสาวงามจะเดินส่ายสะโพกในลีลาที่ชวนมอง เพื่อดึงดูดคะแนนจากเหล่าคณะกรรมการ สาวงามในสังกัดจะฝึกฝนการเดิน และการโพสท่าอย่างหนัก ต้องทำท่าซ้ำๆ เดิมจน “กล้ามเนื้อจดจำทุกลีลาเอาไว้ได้ และยังได้เรียนรู้เรื่องการควบคุมน้ำหนัก รักษารูปร่าง แต่งหน้า รวมถึงแนะนำเรื่องการศึกษาหาความรู้ทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงประวัติศาสตร์ต่างๆ สำหรับการตอบคำถามบนเวที เพื่อให้ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติที่สุด

เส้นทางสู่ความสำเร็จ หนทางหลุดจากความยากจน หญิงสาวชนชั้นกลาง หรือเหล่านักศึกษาในมหาวิทยาลัย ต่างหวังว่าเวทีประกวดจะเป็นโอกาสให้พวกเธอได้เข้าวงการบันเทิง หรือวงการแฟชั่น แต่สำหรับหญิงสาวในครอบครัวชนชั้นล่างปากกัดตีนถีบ พวกเธอบางคนอาจจะหวังแค่เงินรางวัลระดับไม่กี่พันเปโซ หรือ โทรทัศน์จอ 21 ซักเครื่อง

 

นอกจากนั้นก็ยังมีหญิงสาวหลายคนที่ยอมรับว่ามองเวทีประกวดเป็นหนทางที่จะทำให้พวกเธอหลุดพ้นจากความยากจน เหมือน จานีเซล ลูบินา อดีตผู้เข้าประกวดมิสฟิลิปปินส์ที่มีพื้นเพเป็นคนทำความสะอาดพื้น ที่กล่าวว่าหากไม่มีการประกวดนางงาม เธอก็คงไม่มีหนทางที่จะหลุดจากวงเวียนชีวิตแบบเดิมๆ

สำหรับชาวฟิลิปปินส์แล้ว “เวทีนางงาม” จึงเป็นทั้งเวทีของโอกาส เป็นความคลั่งไคล้ กับความภาคภูมิใจของประชาชนในชาติ และเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่เลว จนกลายเป็นความลงตัวที่ทำให้วงการประกวดในฟิลิปปินส์รุ่งเรืองจนขึ้นมาอยู่แถวหน้าของโลก

ด้านเด็กหญิงในเวเนซุเอลาต่างตั้งความหวังอย่างเดียวกันว่าเมื่อโตขึ้นจะต้องเป็น “นางงามแห่งเวเนซุเอลา” ด้วยรูปร่าง 90-60-90 เซนติเมตร ในยุคก่อนหากเปิดดูสมุดหน้าเหลืองของกรุงคาราคัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา ก็จะได้เห็นกันว่า มีหมายเลขโทรศัพท์ของร้านเสริมสวยและสปา อยู่มากกว่าร้านขายยาเสียอีก แต่ปัจจุบันซบเซาอย่างมาก

การประกวดเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น “เมืองนางงาม” เวเนซุเอลา เพิ่งได้ มิสเวเนซุเอลา 2019 น.ส.อิสซาเบลลา โรดรีเกซ นางแบบวัย 25 ปี สาวงามจากย่านชุมชนแออัดย่านเปตาเร แหล่งชุมชนแออัดที่มีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นกว่า 500,000 คน ชานกรุงคาราคัส

หลายคนบ่นผ่านทวิตเตอร์ว่า งานจืดชืดน่าเบื่อ เกิดความผิดพลาดหลายอย่าง เช่น ผู้ประกวดคนหนึ่งเดินออกมาบนเวทีโดยไม่มีสายสะพายว่าเป็นตัวแทนจากรัฐไหน ผู้ประกวดอีกคนชุดหลุดขณะเต้นบนเวที เวเนซุเอลาตกอยู่ในวิกฤติเศรษฐกิจเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน สินค้าจำเป็นพื้นฐานขาดแคลนจนคนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว 2.3 ล้านคน กองประกวดมิสเวเนซุเอลาครั้งที่ 65 ต้องปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจด้วยการ ย้ายสถานที่จัดจากคารากัสโพลีเฮดรอนอารีนา สนามกีฬาในร่มที่จุคนได้ 20,000 คน ไปเป็นสตูดิโอสถานีโทรทัศน์ที่จุคนได้เพียง 200 คน ลดความหรูหราต่างๆ ลง เสื้อผ้าหน้าผมขอจากสปอนเซอร์แลกกับการโฆษณาให้ทางโทรทัศน์ จ้างคนหนุ่มสาวมาเล่นดนตรีและการแสดงประกอบ ตัวแทนสาวงามบางคนเพิ่งเคยขึ้นเวทีเป็นครั้งแรก ไม่มีดารานักแสดงดังๆ เหมือนในอดีต ผู้ประกวดหลายคนขึ้นรถสาธารณะมาซ้อม กองประกวดเผยว่า ผู้เข้ารอบทั้ง 24 คนก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกับคนทั้งประเทศ

นอกจากวิกฤติเศรษฐกิจแล้ว การลดความหรูหราของงานยังเป็นไปเพื่อลดกระแสอื้อฉาวที่กองประกวดถูกกล่าวหาเมื่อหลายเดือนก่อนว่า จัดหาสาวๆ ผู้เข้าประกวดให้แก่สปอนเซอร์ที่มีทั้งนักธุรกิจร่ำรวยและข้าราชการนายออสเมล ซูซา เจ้าของฉายาราชาความงาม ผู้จัดการประกวดมิสเวเนซุเอลามาร่วม 40 ปีต้องลงจากตำแหน่งแม้ยืนกรานว่าไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา กองประกวดได้กำหนดระเบียบใหม่ห้ามสาวงามรับเงินสนับสนุนหรือได้รับการเสนอชื่อจากบุคคลภายนอก และต้องสมัครเป็นตัวแทนเข้าประกวดจากแต่ละรัฐด้วยการกรอกใบสมัครออนไลน์ ผู้ชนะจะได้เป็นตัวแทนเวเนซุเอลาไปประกวดนางงามจักรวาล หรือมิสยูนิเวิร์สปี 2019 ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดนเป็นข่าวบิดเบือน

18 ส.ค.- กองทัพบก ยันคลิปรื้อถอนหลักเขตแดน เป็นข่าวบิดเบือน หวังสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม จากกรณีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463) เนื่องจากขนาดและรูปร่างของ หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝังลงไปในดินมีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียนว่ากรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหาประเทศกัมพูชา จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็นภาษาไทย เขียนว่ากรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่าแดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากข้อมูลในช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย

“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง

รัฐสภา 18 ส.ค.-“วันนอร์” จี้ สส.ที่ถูกติดต่อให้เงิน 10 กก. เปิดโปง อย่าอ้ำอึ้ง ยันพร้อมตรวจสอบหากส่งเรื่อง-หลักฐานร้องมา ส่วนปัญหาองค์ประชุม โยนวิปรัฐคุมเสียงปริ่มน้ำ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาองค์ประชุมที่เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำทำให้ประธานต้องชิงปิดประชุมหลายครั้งเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ว่าเสียงของรัฐบาลเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาล ที่จะทำให้องค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งเพื่อให้ประชุมได้ ซึ่งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ที่ผ่านมา ต้องมีการตรวจสอบองค์ประชุมก่อนลงมติ ดังนั้นหากประสานงานกันให้ดีและทุกคนรู้หน้าที่ตนเอง สภาก็คงดำเนินการเดินหน้าไปได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไรก็เช่นกัน หากมีการลงมติที่มีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ก็คิดว่าหากทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นองค์ประชุมและลงคะแนนได้ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่มีการปิดประชุมก่อนเนื่องจากเสียงไม่พอนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า หากองค์ประชุมไม่ครบก็ต้องปิดประชุม เพราะตามกฎหมายและข้อบังคับไม่สามารถดำเนินการไปได้ ซึ่งก็ต้องดูกันไป โดยในช่วงสัปดาห์ต่อไปก็มีกฎหมายหลายฉบับที่จะเข้ามา ซึ่งตนคิดว่าแม้องค์ประชุมมาก หากสมาชิกไม่มาอยู่ในห้องประชุมให้ครบองค์ประชุมก็ไม่มีประโยชน์อะไรเช่นกัน แต่ถ้าองค์ประชุมปริ่มน้ำ แต่มาครบเกินกึ่งหนึ่งก็ดำเนินการไปได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ที่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยหากรัฐบาลต้องการให้กฎหมายผ่าน มติกฎหมายของฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องดูแลสมาชิกให้เกินกึ่งหนึ่งจะมากหรือจะน้อยก็ให้เกินกึ่งหนึ่งก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังกล่าวถึงกรณีที่มี สส.ออกมาเปิดเผยว่า มีการเสนอให้เงิน 10 กิโล เพื่อแลกกับการลงมติ ผ่านร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ และร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า […]

กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC ทภ.2 เป็น 27 ส.ค.นี้

กทม. 18 ส.ค.-กัมพูชาขอเลื่อนประชุม RBC กองทัพภาคที่ 2 เป็นวันที่ 27 ส.ค.นี้ เตรียมนัดหารือที่ช่องสะงำ ศบ.ทก. แจ้งความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชา ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 โดยระบุว่ากองเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชา ประสานขอเลื่อนการประชุม RBC สมัยวิสามัญ จากเดิมวันที่ 21 ส.ค.68 เป็นวันที่ 27 ส.ค.68 เพื่อมีเวลาเตรียมการประชุมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำเรียน พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. แล้ว ไม่ขัดข้องสำหรับการเลื่อนห้วงการประชุม RBC ตามที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอ ดังนั้น กองทัพภาคที่ 2 จึงขอเลื่อนการประชุมประสานการปฏิบัติ และการประชุม RBC สมัยวิสามัญ ดังนี้1.วันที่ 25-26 ส.ค.68 : ประชุมกองเลขาฯ2.วันที่ 27 […]