โตเกียว 19 ธ.ค.- ผลสำรวจความเห็นชาวญี่ปุ่นพบว่า ชาวญี่ปุ่นมองความสัมพันธ์กับสหรัฐแย่ลงมากในปีนี้ อันเป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ดำเนินนโยบายการค้าที่เป็นปรปักษ์
สำนักสำรวจกัลลัพและหนังสือพิมพ์โยมิอูริสอบถามความเห็นชาวญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 26 พฤศจิกายน-3 ธันวาคม ผู้ตอบที่คิดว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศอยู่ในระดับ “ดี” มีร้อยละ 39 ลดลงจากร้อยละ 56 ในการสำรวจปีก่อน ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่ผู้ตอบที่คิดว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศอยู่ในระดับ “แย่” มีร้อยละ 39 เช่นกัน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23 ในการสำรวจเมื่อปีก่อน ในทางกลับกันผลการสำรวจในสหรัฐพบว่า ผู้ตอบที่คิดว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศอยู่ในระดับ “ดี” มีร้อยละ 50 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม และผู้ตอบที่คิดว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศอยู่ในระดับ “แย่” มีร้อยละ 11 ลดลงจากร้อยละ 12 ในการสำรวจเมื่อปีก่อน
ส่วนเรื่องความไว้วางใจต่อกันนั้น ผู้ตอบชาวญี่ปุ่นไว้ใจวางสหรัฐเพียงร้อยละ 31 ลดลงจากร้อยละ 39 และต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่ผู้ตอบชาวอเมริกันไว้วางใจญี่ปุ่นมากถึงร้อยละ 70 เช่นเดียวกับเรื่องความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคง ผู้ตอบชาวญี่ปุ่นร้อยละ 64 และผู้ตอบชาวอเมริกันร้อยละ 70 เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ผู้ตอบชาวญี่ปุ่นร้อยละ 75 ยังมองว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้ญี่ปุ่นลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเป็นเรื่องไร้เหตุผล
ผลสำรวจพบว่า การที่ชาวญี่ปุ่นมีทัศนคติต่อสหรัฐในเชิงลบมากขึ้น สอดคล้องกับที่ชาวญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยอย่างมากกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ดำเนินนโยบายปกป้องทางการค้า ทรัมป์แสดงความไม่พอใจตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2559 เรื่องญี่ปุ่นเกินดุลการค้าสหรัฐ 69,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.25 ล้านล้านบาท) โดยเฉพาะภาคยานยนต์ที่ครองสัดส่วนถึงร้อยละ 75 ของยอดเกินดุลการค้า ทั้งสองประเทศเตรียมหารือรอบใหม่ในต้นปีหน้า.- สำนักข่าวไทย