ลิสบอน 4 ธ.ค.- ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเดินทางถึงโปรตุเกสแล้วในวันนี้เพื่อเยือน 2 วัน หลังจากที่เพิ่งเยือนสเปน 3 วันเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ยุโรปบางประเทศกังวลที่จีนเข้ามาแผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้
หนังสือพิมพ์โปรตุเกสฉบับวันอาทิตย์ลงบทความชิ้นหนึ่งว่า ประธานาธิบดีสีย้ำความสัมพันธ์สองประเทศว่าเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการเชื่อมโยงการค้าในวงกว้าง คาดว่าประธานาธิบดีสีจะลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับประธานาธิบดีมาร์เซโล รีเบโล เด โซซา ของโปรตุเกสหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการนำท่าเรือไซเนส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของโปรตุเกสเข้าเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 เชื่อมเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ส่วนเรื่องที่สมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เห็นชอบเมื่อสัปดาห์ก่อนเรื่องกรอบกำกับการลงทุนจากต่างชาติโดยเฉพาะจีนตามการผลักดันของฝรั่งเศสและเยอรมนีนั้น นายกรัฐมนตรี อันโตนีโอ คอสตาของโปรตุเกสยืนยันว่า โปรตุเกสไม่สนับสนุนแนวคิดนี้เพราะไม่กังวลเรื่องการลงทุนจากต่างชาติ และเห็นว่าอียูไม่ควรใช้แนวทางปกป้องทางการค้า ทำให้ในที่สุดแล้วข้อตกลงนี้จึงเป็นเพียงการทำหน้าที่ให้คำแนะนำของคณะกรรมาธิการยุโรปเท่านั้น
โปรตุเกสซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยากจนที่สุดของยุโรปตะวันตกเปิดรับการลงทุนจากจีนตั้งแต่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติการเงินโลกปี 2551 มาตรการความช่วยเหลือของอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มูลค่า 78,000 ล้านยูโร (ราว 2.9 ล้านล้านบาท) ปี 2554 กำหนดให้โปรตุเกสต้องดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดอย่างหนักและแปรรูปกิจการเป็นของเอกชนหลากหลายอย่าง เปิดทางให้จีนเข้ามาลงทุนแล้วร้อยละ 3.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโปรตุเกสระหว่างปี 2553-2559 และถือหุ้นในบริษัทใหญ่ของโปรตุเกสอย่างอีดีพี บริษัทไฟฟ้าใหญ่ที่สุด บีซีพี ธนาคารเอกชนใหญ่ที่สุด และฟิเดลิดาด บริษัทประกันชั้นนำ นอกจากนี้จีนยังทะยานขึ้นจากคู่ค้าอันดับที่ 28 ของโปรตุเกสในปี 2551 เป็นอันดับที่ 11 ในปีนี้.-สำนักข่าวไทย