โซล 28 พ.ย.- ชาวเยเมนหลายร้อยคนที่อพยพหนีสงครามเดินทางมาขอลี้ภัยในเกาหลีใต้ โดยไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา และพบว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ลี้ภัย ในขณะที่วัยรุ่นชาวอิหร่านที่เปลี่ยนมานับถือคริสต์กลับได้รับสถานะผู้ลี้ภัย
ข้อมูลทางการระบุว่า กว่าหนึ่งในสี่ของประชากรเกาหลีใต้นับถือศาสนาคริสต์ โดยพบสัญลักษณ์กางเขนตามเมืองต่างๆ เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ไม่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากนัก ไม่ค่อยรับผู้อพยพ และแบ่งแยกเชื้อชาติจากการที่มีคนเชื้อสายจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาศัยอยู่ด้วย วัยรุ่นชายชาวอิหร่านซึ่งเดิมนับถืออิสลามและมีชื่อใหม่ทางคริสต์ว่าอันโตนิโอ อพยพมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบพร้อมกับพ่อของเขาที่เป็นนักธุรกิจมาอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2553 จากนั้นอีก 2 ปีถัดมา เขาหันมานับถือคริสต์คาทอลิก ส่วนพ่อของเขาเปลี่ยนมานับถือคริสต์เช่นกันในปี 2558 การเปลี่ยนศาสนาของทั้งสอง สร้างความไม่พอใจในหมู่ญาติมิตรที่อิหร่าน ซึ่งในบางประเทศชาวมุสลิมที่เปลี่ยนศาสนาจะถูกลงโทษประหารชีวิต จากสถิติทางการพบว่า เกาหลีใต้ประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่อันดับ 11 ของโลก ยอมรับผู้ลี้ภัยเพียง 708 คนระหว่างปี 2543-2560 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน้อยมากเพียงร้อยละ 3.5 ของจำนวนที่ขอลี้ภัยทั้งหมด โดยนับเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุดในโลกและต่ำกว่ากลุ่มโออีซีดีซึ่งมีค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 25
ก่อนหน้านี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ปฏิเสธไม่ให้สถานะผู้ลี้ภัยกับอันโตนิโอเพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะมีความเลื่อมใสในศาสนา และศาลสูงตัดสินยืนยันคำพิพากษา เด็กวัยรุ่นชาวอิหร่านเกือบถูกส่งกลับประเทศ จนกระทั่งเพื่อนร่วมชั้นเรียนเข้าช่วยทำคำร้องในเว็บไซต์ประธานาธิบดี โดยอ้างถึงความศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างแท้จริง และยืนยันว่าอันโตนิโอไปโบสถ์มาตลอด อันโตนิโอยื่นคำขอลี้ภัยในเกาหลีใต้อีกครั้ง ในที่สุดคำร้องของเขามีผู้ลงชื่อรับรองกว่า 30,000 คน จนกระทั่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้สถานะผู้ลี้ภัยเมื่อเดือนที่แล้ว.- สำนักข่าวไทย