สหรัฐ 5 พ.ย.-ประชาชนชาวอเมริกันเตรียมลงคะแนนเลือกตั้งพรุ่งนี้ส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเปรียบได้กับการลงประชามติว่าประชาชนยังคงเลือก “ทรัมป์” หรือไม่
ในขณะที่ทรัมป์ พยายามหาเสียงด้วยการประกาศความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นคนเข้าเมือง อีกจุดสนใจหนึ่งอยู่ที่พรรครีพับลิกันว่าจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งสองสภาได้หรือไม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลการสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า พรรครีพับลิกันจะยังคงมีอำนาจในวุฒิสภา แต่พรรคเดโมแครต อาจครองสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงแล้ว พรรคเดโมแครตก็จะมีอำนาจสกัดอำนาจนิติบัญญัติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเปิดการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ฝั่งพรรคเดโมแครตคาดหวังว่า ผู้ลงคะแนนที่ไม่พอใจในตัวปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงที่โกรธเคืองกับถ้อยคำดูถูกผู้หญิงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และข่าวลือเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศนั้น จะทำให้ชิงอำนาจจากพรรครีพับลิกันมาได้
ทั้งนี้ การเลือกตั้งกลางเทอมจะเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐดำรงตำแหน่งมาได้ครึ่งทาง (2 ปี จากวาระ 4 ปี) โดยจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน สำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 6 พ.ย. นี้จะมีการชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่ง และวุฒิสภา 35 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 36 รัฐด้วย
หุ้นโลกและสินทรัพย์เสี่ยงช่วงสั้นปรับลดลง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ออกมาดี แต่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.กลางเทอมสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบกับอำนาจในการบริหารประเทศของทรัมป์ ปัจจุบันพรรครีพับริกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาแต่จากผลการหยั่งคะแนนนิยมล่าสุดมีแนวโน้มว่าพรรคเดโมแครตจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ส่วนรีพับริกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้ตลาดกังวลว่าการอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบริหารหรือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการจะมีความยากลำบากขึ้น อย่างไรก็ตามมุมมองเชิงบวกต่อผลลัพธ์การเลือกตั้งในกรณีนี้คือการคาดการณ์ว่าสงครามการค้าจะทยอยลดความรุนแรงลง.-สำนักข่าวไทย