โคลัมโบ 5 พ.ย.- วิกฤตการเมืองในศรีลังกาซึ่งมีนายกรัฐมนตรีสองคนแย่งอำนาจกัน ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย และส่งผลต่อความช่วยเหลือจากต่างชาติ รวมทั้งสัญญาณเตือนไปถึงภาวะเศรษฐกิจซึ่งกำลังเผชิญกับปัญหาค่าเงินดิ่งลงมากเป็นประวัติการณ์
สถานการณ์ในศรีลังกาประสบภาวะชะงักงันเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งไม่ยอมลงจากอำนาจ ในขณะที่มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่และความขัดแย้งในสภา ทำให้ศรีลังกาไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ ท่ามกลางการเตือนภัยว่าสถานการณ์อาจถึงขั้นนองเลือดหากความขัดแย้งรุนแรงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการจองห้องพักโรงแรม รวมทั้งการท่องเที่ยวตามชายหาดและสถานที่สำคัญทั้งที่เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักให้กับเศรษฐกิจศรีลังกา โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกว่า 2.4 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว และใช้จ่ายเงินไป 3,200 ล้านดอลลาร์ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(เอดีบี) คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจศรีลังกาจะเติบโตร้อยละ 3.8 ปีนี้ และร้อยละ 4.5 ในปี 2562 แต่จนถึงขณะนี้น่าจะไม่เป็นไปตามคาดแล้ว ภาวะสุญญากาศทางการเมืองในศรีลังกา ส่งให้เกิดข้อวิตกถึงโครงการรถไฟรางเบาที่ญี่ปุ่นให้ทุนสนับสนุนมูลค่ากว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ และโครงการความช่วยเหลือทางการเงินด้านการคมนาคมและสาธารณสุขของสหรัฐอีก 480 ล้านดอลลาร์ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งมีกำหนดแถลงความตกลงการปล่อยเงินกู้งวดใหม่ 1,500 ล้านดอลลาร์ช่วงที่ประธานาธิบดีสั่งปลดนายกรัฐมนตรีเมื่อ 26 ตุลาคม ระบุว่ากำลังติดตามสถานการณ์ในศรีลังกาอย่างใกล้ชิด .- สำนักข่าวไทย