12 ต.ค.- ธุรกิจการบินหลายชาติปรับทัพดึงนักท่องเที่ยว ทั้งเสริมฝูงบิน เพิ่มเที่ยวบิน และระบบไฮเทค รองรับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่โตขึ้น
ท่าอากาศยานระหว่างประเทศดูไบเป็นแห่งแรกในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ใช้ระบบเทคโนโลยีไบโอเมตริก ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลทั้งลายนิ้วมือ ม่านตาและใบหน้า ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบพาสปอร์ตเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียง 15 วินาที ผู้โดยสารเพียงแค่มาที่จุดบันทึกด้านหน้าก่อนเดินเข้าช่องทางอัจฉริยะซึ่งจะใช้ระบบสแกนม่านตาเพื่อตรวจสอบความถูกต้องก่อนจะให้ผ่านเข้าไปได้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างประเทศดูไบกล่าวเรียกว่าเป็นเทคโนโลยีพิเศษล่าสุดและทันสมัยที่สุด หลังจากได้รับการพัฒนาระบบมา 4 ปี ขณะนี้เริ่มใช้สำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจและผู้โดยสารชั้นหนึ่ง
สำหรับประตูและช่องทางอัจฉริยะกำลังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบในวงจำกัดที่สนามบินดูไบ ซึ่งหากใช้ได้ผลดีจะขยายไปยังอาคารผู้โดยสารอื่นๆในดูไบด้วย
ด้านเที่ยวบินเอสคิว 22 ออกเดินทางเมื่อเวลา 23.37 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 22.37 น. คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาในไทย โดยมีกำหนดเดินทางถึงท่าอากาศยานระหว่างประเทศ นวร์ก ลิเบอร์ตีของสหรัฐในเวลา 06.00 น.เช้าวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 17.00 น.ในไทย เที่ยวบินตรงมุ่งหน้าสหรัฐของสิงคโปร์แอร์ไลน์ใช้เครื่องบินแอร์บัส เอ 350-900 ยูแอลอาร์ โดยให้บริการ 161 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัดแบบพรีเมียม โดยไม่มีบริการชั้นประหยัดทั่วไป สิงคโปร์แอร์ไลน์ยังมีแผนฟื้นเที่ยวบินตรงไปลอสแอนเจลิส และเที่ยวบินตรงไปซานฟรานซิสโกในเดือนหน้า หลังจากเคยระงับบริการบินตรงไปนวร์กและลอสแอนเจลิสเมื่อปี 2556 เพราะราคาน้ำมันแพงไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เส้นทางบินสิงคโปร์-นวร์ก แซงหน้าโดฮา-ออคแลนด์ ขึ้นชั้นเที่ยวบินที่ใช้เวลานานที่สุดในโลก ขณะที่สายการบินแควนตัสแอร์เวย์ของออสเตรเลียมีแผนจะเปิดเส้นทางบินที่ใช้เวลานานกว่า 20 ชั่วโมงในเที่ยวบิน ซิดนีย์-ลอนดอนปี 2565.-สำนักข่าวไทย