ปารีส 21 กย.- ผลการศึกษาครั้งใหญ่คาดว่า ประเทศต่าง ๆ กว่าครึ่งโลกจะไม่สามารถลดยอดผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรังลงได้หนึ่งในสามภายในปี 2573 ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
พันธมิตรโรคไม่ติดต่อ (เอ็นซีดี อลิอันซ์) ซึ่งเป็นการรวมตัวขององค์กรภาคประชาสังคม 2,000 แห่งในกว่า 170 ประเทศทั่วโลกเผยรายงานเรื่องนับถอยหลังโรคไม่ติดต่อปี 2573 ในวารสารแลนแซ็ต ก่อนที่ยูเอ็นจะมีการประชุมระดับสูงเรื่องโรคไม่ติดต่อที่นครนิวยอร์กในสัปดาห์หน้าว่า ปี 2559 คนวัย 30-70 ปีทั่วโลกเสียชีวิตเพราะมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน และโรคทางเดินหายใจเรื้อรังรวม 12.5 ล้านคน แต่ หากรวมทุกกลุ่มอายุแต่ละปีมีคนเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อกว่า 40 ล้านคน คิดเป็น 7 ใน 10 ของการเสียชีวิตทั้งหมด
รายงานระบุว่า มีเพียง 35 ประเทศที่มีแนวโน้มจะทำได้ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของยูเอ็นข้อ 3.4 เรื่องลดยอดผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อลงหนึ่งในสามภายในปี 2573 แต่ทำได้เฉพาะสตรีเท่านั้น ขณะที่ 20 ประเทศยังไม่มีความคืบหน้าหรือถอยหลัง ประเทศร่ำรวยที่อยู่ในกลุ่มล้มเหลวมีเพียงประเทศเดียวคือ สหรัฐ เพราะระบบสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพแย่ลง และมีความไม่เท่าเทียมมากขึ้น ผลการศึกษาเมื่อปีก่อนพบว่าชาวอเมริกันผิวขาวในเขตชนบทเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพิ่มขึ้นมาก หากแยกตามเพศพบว่า สตรีในสเปน สิงคโปร์ โปรตุเกส อิตาลี ฟินแลนด์และฝรั่งเศสมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับชายในไอซ์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ บาห์เรน แคนาดาและนิวซีแลนด์ ส่วนประเทศทางใต้ทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา ยอดเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อมีน้อยเมื่อเทียบกับโรคติดต่ออย่างเอดส์และวัณโรค ขณะที่ประเทศร่ำรวยและฐานะปานกลางส่วนใหญ่มีผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อค่อนข้างสูงอยู่ ดังนั้นผู้บริจาคและหน่วยงานบรรเทาทุกข์ควรมุ่งปรับปรุงสถานการณ์สุขภาพโดยรวมมากกว่าให้ความสนใจเฉพาะโรค.- สำนักข่าวไทย