เซาเปาโล 29 ส.ค.- ประธานาธิบดีมีเชล เตเมร์ของบราซิลประกาศว่าจะส่งกำลังทหารไปรักษาความสงบเรียบร้อยในรัฐทางเหนือที่ประสบวิกฤตผู้อพยพเวเนซุเอลา ขณะที่มีข้อมูลใหม่พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมมากขึ้น ซึ่งทำให้รัฐรอไรมามีสถิติการเกิดเหตุฆาตกรรมสูงที่สุดในบราซิล
ข้อมูลศูนย์สังเกตการณ์ความรุนแรงในบราซิลพบว่า ช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายนปีนี้มีรายงานสถิติฆาตกรรมสูงสุด 27.7 รายต่อประชากรทุก 100,000 คนในรัฐรอไรมา ซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนทางเหนือของบราซิลที่มีพรมแดนติดกับเวเนซุเอลา ส่วนที่รัฐรีโอกรันดีโดนอร์เตมีเหตุฆาตกรรม 27.1 รายต่อประชากร 100,000 คนมากเป็นอันดับสอง อันดับสามอยู่ที่รัฐเซอาราและรัฐอาเกรอยู่ที่ 26 รายเท่ากัน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมารัฐรอไรมาประสบปัญหาเช่นเดียวกับอีกหลายรัฐในบราซิล คือมีเหตุปะทะกันรุนแรงระหว่างแก๊งอาชญากรที่แย่งพื้นที่และอิทธิพลกัน ขณะเดียวกันยังเป็นจุดผ่านแดนให้ชาวเวเนซุเอลาอพยพหนีปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจเข้ามาในบราซิล ปัญหาที่รุมเร้าทำให้รัฐโรไรมามีปัญหาด้านความมั่นคงมากขึ้น
บราซิลเป็นประเทศที่มีสถิติฆาตกรรมมากติดอันดับโลก ศูนย์สังเกตการณ์บันทึกข้อมูลได้ว่ามีเหตุสังหารกว่า 26,100 รายในบราซิลช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สถาบันศึกษาความมั่นคงสาธารณะและความรุนแรงรายงานข้อมูลการเสียชีวิตพบว่า มาจากเหตุฆาตกรรม โจรกรรม และเหตุทำร้ายร่างกายอื่นๆ รัฐบาลกลางบราซิลตัดสินใจส่งกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงไปรักษาความสงบเรียบร้อย ภายหลังกลุ่มชาวบ้านในเมืองชายแดนเข้าทำร้ายผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาและจุดไฟเผาสิ่งของเครื่องใช้ของพวกเขาเมื่อต้นเดือน สำหรับคำสั่งส่งกำลังไปประจำการที่รัฐเริ่มตั้งแต่วันพุธไปจนถึงวันที่ 12 กันยายนและอาจขยายเวลาออกไป แต่ผู้นำบราซิลไม่ได้ระบุว่ามีกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนเท่าใด .- สำนักข่าวไทย