ปักกิ่ง 19 ก.ย.- ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) เตือนว่า ตัววัดหนี้ของจีนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว เป็นสัญญาณเตือนว่าอาจจะเกิดความเสี่ยงกับระบบการธนาคารในเร็ว ๆ นี้
บีไอเอสแถลงรายงานรายไตรมาสเมื่อวานนี้ว่า สัดส่วนสินเชื่อต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนสูงถึงร้อยละ 30.1 ในไตรมาสแรกของปีนี้ สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาและสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าไม่ควรเกินร้อยละ 10 บีไอเอสจึงได้ให้สัญญาณเตือนสีแดงแก่จีน หมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตการเงินในช่วง 3 ปีข้างหน้า และสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่บีไอเอสสำรวจทั้งหมด 41 ประเทศ ซึ่งมีกรีซรวมอยู่ด้วย
จีนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากที่พึ่งพาการส่งออกและการลงทุนไปเป็นการพึ่งพาการบริโภคในประเทศ อีกทั้งยังได้อัดฉีดสินเชื่อดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการเติบโต นักวิเคราะห์เตือนว่า การฟื้นตัวเพราะสินเชื่อจะไม่ยั่งยืนและเสี่ยงจุดชนวนวิกฤตการเงินรอบใหม่เพราะจะมีหนี้เสียและพันธบัตรผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น
บัณฑิตยสภาสังคมศาสตร์จีนประมาณว่า นับจนถึงสิ้นปีที่แล้วจีนมีหนี้สินทั้งหมด 25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 871.16 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 249 ของจีดีพี เดือนที่แล้วธนาคารใหญ่ 4 แห่งของรัฐแจ้งว่ามีหนี้เสียเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยว่า ธนาคารเหล่านี้ได้ลงบัญชีหนี้สูญกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 10.45 ล้านล้านบาท) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ทางการได้ออกมาตรการชุดใหญ่หวังแก้ปัญหาหนี้เสีย หนึ่งในนั้นมีการแปลงหนี้เป็นทุน นักวิเคราะห์มองว่า การที่จีนยังมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมหาศาลและมีอำนาจควบคุมระบบการธนาคารจะช่วยประคองเศรษฐกิจไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินได้.- สำนักข่าวไทย