ย่างกุ้ง 8 ส.ค. – สหประชาชาติกล่าววันนี้ว่า หน่วยงานของสหประชาชาติยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางการเมียนมาให้เดินทางเข้าไปปฎิบัติงานในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของวิกฤติการณ์ชาวโรฮิงญา แม้ว่าจะลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเมียนมามาเป็นเวลา 2 เดือนแล้วก็ตาม
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอชซีอาร์ และ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นดีพี ได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเมียนมาร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งภายใต้ข้อตกลงนี้ ทางการเมียนมาจะยอมอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติเข้าไปทำงานในรัฐยะไข่ ที่เป็นสถานที่ที่ชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายแสนคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน หลังจากกองทัพเมียนมาเริ่มใช้ปฎิบัติการกวาดล้างรุนแรงในรัฐยะไข่ ตามข้อตกลงดังกล่าว สหประชาชาติจะได้รับอนุญาตให้เข้ามาช่วยเมียนมาในการสร้างสภาพพื้นที่ที่จะเกิดความปลอดภัยและโน้มน้าวให้ชาวโรฮิงญาที่อพยพไปยังบังกลาเทศเดินทางกลับมายังรัฐยะไข่ แต่จนถึงขณะนี้ ชาวโรฮิงญายังไม่ยอมเดินทางกลับมาหากยังไม่มีการรับประกันในเรื่องของความปลอดดภัยและสิทธิขั้นพื้นฐานเช่นการรับรองเป็นพลเมืองของเมียนมา ยูเอ็นเอชซีอาร์และยูเอ็นดีพี ออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า คำขอเข้าพื้นที่ในรัฐยะไข่ที่ส่งให้เมียนมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนยังไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ จากทางการเมียนมา แม้ยูเอ็นเอชซีอาร์ จะมีสำนักงานในรัฐยะไข่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำงานในภาคสนามได้อย่าเป็นอิสระ แถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ทางการเมียนมา ยอมให้เสรีภาพในการเดินทางและร่วมมือในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย