สหรัฐ 22 ก.ย.-ปัญญาความรุนแรงทางเชื้อชาติและสีผิวในสหรัฐ ยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุจลาจลรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอด 2 คืนที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางการต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา หลังเกิดเหตุตำรวจผิวขาวยิงชายผิวดำเสียชีวิตจนจุดชนวนให้มีการชุมนุมประท้วงก่อเหตุจลาจลจนมีผู้บาดเจ็บนับสิบ
มีรายงานว่าในคืนที่ 2 ของการก่อเหตุจลาจลมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน เหตุจลาจลที่ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้นส่งผลให้ผู้ว่าการรัฐนอร์ทแคโรไลนา ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินและเรียกระดมพลทหารจากกองกำลังพิทักษ์ชาติ รวมทั้งหน่วยลาดตระเวณบนทางหลวงมาเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเมืองชาร์ลอตต์ ที่เริ่มรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วงไม่ไหว ก่อนหน้านั้นผู้บัญชาการตำรวจในเมืองชาร์ลอตต์ แถลงว่าผู้ถูกยิงรายหนึ่งเสียชีวิตแล้ว แต่มีรายงานในเวลาต่อมาว่ายังไม่เสียชีวิต แต่อาการสาหัสต้องใช้เครื่องช่วยพยุงชีพอยู่ และเจ้าหน้าที่ประจำเมืองแห่งนี้ ยังระบุด้วยว่าผู้ลงมือยิงไม่ใช่ตำรวจ ปราบจลาจล แต่เป็นพลเมืองรายหนึ่งและจากการปะทะกันทำให้ตำรวจบาดเจ็บ 16 นาย
สำหรับชนวนเหตุจลาจล สืบเนื่องมาจากตำรวจผิวขาวยิงนายคีธ สก็อต ชายผิวดำ คุณพ่อลูก 7 วัย 43 ปี จนถึงแก่ความตาย โดยตำรวจอ้างว่าเขามีอาวุธปืนพกและขัดคำสั่งตำรวจ ที่ขอให้เขาวางอาวุธปืน แต่ครอบครัวของเขาและพยานที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า สก็อตมีเพียงหนังสืออยู่ในมือไม่ได้ถือปืนตามที่ตำรวจกล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานวีดีโอมาแสดง แต่นายกเทศมนตรีหญิงของเมืองกล่าวว่า เธอจะตรวจสอบภาพจากวีดีโอในวันนี้ การประท้วงครั้งนี้เริ่มจากการชุมนุมอย่างสงบ ก่อนกลายมาเป็นความรุนแรงจนตำรวจต้องยิงกระสุนยาง และแก๊สน้ำตารวมถึงสเปรย์พริกไทย เพื่อสลายการชุมนุมขณะที่ผู้ประท้วงตอบโต้ตำรวจ ด้วยการขว้างระเบิดเพลิงและสิ่งของที่หยิบฉวยได้เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ของคนผิวสีและบาทหลวงต่างเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเมืองชาร์ล็อต ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุด ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา รวมถึงเรียกร้องให้มีการเผยแพร่หลักฐานวีดีโอ ขณะเกิดเหตุเพื่อพิสูจน์ว่าใครเป็นคนผิด.-สำนักข่าวไทย