อู่ฮั่น 28 เม.ย.- นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียจะล่องเรือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเยือนจีนครั้งสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายหวังว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศดีขึ้น หลังจากตึงเครียดมาตลอดทั้งปี
กระทรวงต่างประเทศอินเดียแถลงว่า นายกรัฐมนตรีโมดีจะใช้เวลาที่เมืองอู่ฮั่น ทางตอนกลางของจีนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง โดยจะเดินเล่นกับประธานาธิบดีสีในช่วงเช้าก่อนไปล่องเรือในทะเลสาบเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และรับประทานมื้อเที่ยง ทั้งสองฝ่ายถือว่าการพบกันครั้งนี้เป็นการพบอย่างไม่เป็นทางการมากกว่าจะเป็นการประชุมสุดยอด เพราะไม่มีพิธีการที่เป็นทางการ และเมื่อวานนี้ได้สนทนากันนานกว่าตารางที่กำหนดไว้มาก
หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนลงบทความหน้าแรกฉบับวันนี้ว่า สองประเทศที่ยิ่งใหญ่สมควรมีความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ เชื่อได้ว่าการพบกันที่อู่ฮั่นครั้งนี้จะเพิ่มความไว้วางใจกัน การจัดการและควบคุมความขัดแย้ง กระชับความร่วมมือ และนำไปสู่ก้าวใหม่ในการดำเนินความสัมพันธ์สองประเทศ เห็นได้ชัดเจนว่าข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศมีความหมายมากกว่าความขัดแย้งเฉพาะเรื่อง เช่นเดียวกับความจำเป็นในการร่วมมือกันก็มีความหมายมากกว่าความขัดแย้งท้องถิ่น พร้อมกับลงภาพผู้นำทั้งสองจับมือกัน
ด้านหนังสือพิมพ์ไชนาเดลีลงบทบรรณาธิการว่า การหวาดระแวงทำให้สองประเทศไม่ได้ร่วมงานกัน แต่ทั้งจีนและอินเดียก็ไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าศัตรู ซึ่งหมายความว่าต่างฝ่ายต่างหวังให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีพัฒนาดีขึ้น หากว่ากันตามความจริงแล้วจีนและอินเดียเป็นหุ้นส่วนกันทางธรรมชาติเสียด้วยซ้ำ
นอกจากข้อพิพาทตามแนวพรมแดนทางบกที่ยาวถึง 3,500 กิโลเมตรแล้ว จีนและอินเดียยังมีข้อพิพาทในมหาสมุทรอินเดียและอีกหลายเรื่อง อินเดียคัดค้านโครงการเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 (Belt and Road) ของจีนเพราะมีเส้นทางผ่านแคชเมียร์ในส่วนที่ปากีสถานปกครองแต่อินเดียอ้างสิทธิเหนือแคชเมียร์ทั้งหมด อินเดียระแวงความสัมพันธ์จีน-ปากีสถาน ขณะที่จีนระแวงว่าสหรัฐจะดึงอินเดียไปเข้ากลุ่มญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐ และเรื่องที่อินเดียให้องค์ดาไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณชาวทิเบตลี้ภัยอยู่.-สำนักข่าวไทย