fbpx

BIG STORY : ไทม์ไลน์ประชุมสุดยอดผู้นำ 2 เกาหลี

เกาหลีใต้ 27 เม.ย.- 27 เมษายน 2561 วันนี้ประวัติศาสตร์โลกต้องจารึกไว้ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้เริ่มต้นความสัมพันธ์อันอบอุ่น หลังต้องแบ่งแยกประเทศกันนับตั้งแต่สงครามเกาหลีสิ้นสุดลงเมื่อ 65 ปีก่อน โดยการพบหารือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีมุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ ตลอดทั้งวันนี้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น เราจะไปชมภาพลำดับเหตุการณ์พร้อมๆ กัน


07.30 น. นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินข้ามพรมแดน บริเวณเขตปลอดทหารในหมู่บ้านปันมุนจอม เข้าไปในฝั่งของเกาหลีใต้ โดยมีประธานาธิบดีมูน แจอิน ของเกาหลีใต้ ยืนรอต้อนรับ ทั้งสองสัมผัสมือพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น ก่อนที่นายคิม จะสร้างเซอร์ไพรส์ จูงมือผู้นำเกาหลีใต้เดินข้ามมาในฝั่งเกาหลีเหนือบ้าง ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้แก่ชาวเกาหลีใต้อย่างมาก   


08.30 น. นายมุน นำนายคิม รับความเคารพจากกองทหารเกียรติยศในชุดทหารโบราณ จากนั้นเดินเข้าอาคารพีซ เฮาส์ ในฝั่งเกาหลีใต้ ก่อนที่นายคิม จะลงนามในสมุดเยี่ยม ใจความว่า “ประวัติศาสตร์ยุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ยุคแห่งสันติภาพกำลังเกิดขึ้น”  


09.30 น. การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์สองเกาหลีเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ฝ่ายเกาหลีเหนือ นอกจากจะมี นายคิม จองอึน แล้ว ยังมีนายทหารระดับสูง รวมถึงนางคิม โย จอง น้องสาวต่างมารดาของนายคิม ที่เคยนำคณะนักกีฬาเกาหลีเหนือไปร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ เข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนฝ่ายเกาหลีใต้ มีประธานาธิบดี มูน แจอิน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม การประชุมรอบแรกดำเนินไปนาน 100 นาที ก่อนที่นายคิม จะนั่งรถลีมูซีนสีดำแล่นกลับเข้าเขตเกาหลีเหนือ พร้อมด้วยขบวนรถคุ้มกันชุดใหญ่ เพื่อกลับไปรับประทานอาหารกลางวัน     

14.25 น. ผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมปลูกต้นสน สัญลักษณ์แห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่ระลึก โดยใช้ดินจากภูเขาเพ็กตูของเกาหลีเหนือและภูเขาฮัลลาของเกาหลีใต้ และรดด้วยน้ำที่มาจากแม่น้ำแทดงของเกาหลีเหนือและแม่น้ำฮันของเกาหลีใต้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรองดองของสองเกาหลี

14.40 น. นายคิม และนายมุน เดินพูดคุยกันในบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในหมู่บ้านปันมุนจอม ก่อนจะเดินไปบนสะพานสีฟ้าและนั่งลงที่ม้านั่งบนสะพานพูดคุยกันสองต่อสอง ซึ่งเป็นอีก 1 ภาพความประทับใจที่เกิดขึ้นในการประชุมครั้งประวัติศาสตร์วันนี้ 

 15.20 น.  ผู้นำทั้งสองกลับสู่โต๊ะเจรจาในช่วงบ่าย 

15.58 น.  ผู้นำสองเกาหลีร่วมลงนามในข้อตกลงที่มีชื่อว่า ปฏิญญาปันมุนจอมเพื่อสันติภาพ ความรุ่งเรืองและเอกภาพบนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมเผยในการแถลงการณ์ร่วมกันว่า จะมีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพภายในปีนี้ ปิดฉากสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการและสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ของสองประเทศที่มีมานาน 65 ปี ขณะที่ทั้งสองผู้นำเน้นย้ำถึงเป้าหมายที่มีร่วมกันในการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และจะมีการจัดให้ครอบครัวของชาวเกาหลีที่พลัดพรากจากกันได้มาพบเจอกัน ส่วนประธานาธิบดีมุน ประกาศจะเดินทางเยือนกรุงเปียงยางในปลายปีนี้ด้วย

ปิดฉากไฮไลท์สำคัญการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ด้วยงานเลี้ยงอำลาผู้นำคิม อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ ด้วยเมนูอาหารที่ล้วนมีความหมายแทบทุกจาน แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจทุกรายละเอียดของเกาหลีใต้ เจ้าภาพ อาทิ รืสติ หรือมันฝรั่งทอดผสมชีส ช็อกโกแลตและขนมมาการอง เพื่อย้อนรำลึกวันวานที่ คิม จองอึน เคยเรียนหนังสือที่สวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ ยังมีบะหมี่เย็น เมนูอาหารจานเด็ดของเกาหลีเหนือ พร้อมเหล้าจากเกาหลีเหนือด้วย 

แต่ญี่ปุ่นออกอาการไม่พอใจ เพราะเมนูของหวานคือ มูสมะม่วง ดันมีรูปเกาะพิพาทต็อกโด หรือทาเกชิมะ บนแผนที่คาบสมุทรเกาหลีแปะอยู่ด้านบนมูสมะม่วงด้วย โดยเกาะนี้ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างอ้างกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ 

หลังมื้ออาหารค่ำสุดวิเศษ ผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ รวมทั้งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้ร่วมชมวิดีโอ ชื่อว่า Spring of One หรือฤดูใบไม้ผลิที่เป็นหนึ่งเดียว ก่อนนายคิม และคณะจะเดินทางกลับ ขณะที่ของขวัญที่ผู้นำสองเกาหลีต่างมอบให้กันยังไม่เปิดเผย แต่ของเกาหลีใต้คาดว่า จะไม่ใช่ของหรูๆ แพงๆ เหมือนในสมัยก่อน โดยคาดว่าจะมีราคาไม่เกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,200 บาท เพราะเกาหลีเหนือยังถูกนานาชาติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอยู่ เป็นอันว่าการประชุมสุดยอด 1 วัน ระหว่างผู้นำสองเกาหลีปิดฉากอย่างสวยงาม สร้างความยินดีอย่างถ้วนหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย