กัวลาลัมเปอร์ 9 เม.ย.- ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเผยว่า จะทบทวนการลงทุนของจีนในมาเลเซียหากเขาชนะเลือกตั้งทั่วไปกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ดร.มหาเธร์ วัย 92 ปีที่กลายเป็นผู้สมัครฝ่ายค้านในการเลือกตั้งที่จะต้องมีขึ้นภายใน 60 วันหลังจากนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซักประกาศยุบสภาเมื่อวันศุกร์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ยินดีต้อนรับการลงทุนจากจีนหากบริษัทเหล่านี้เข้ามาตั้งในมาเลเซีย จ้างงานคนท้องถิ่น นำเงินทุนและเทคโนโลยีเข้ามา แต่ทุกวันนี้ไม่เป็นเช่นนั้น มาเลเซียไม่ได้อะไรเลยจากการลงทุนของจีน โครงการของบริษัทคันทรีการ์เดนโฮลดิงส์จะลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.13 ล้านล้านบาท) สร้างอพาร์ตเมนต์หรูในรัฐยะโฮร์ ราคาสูงถึงห้องละ 1 ล้านริงกิต (ราว 8.1ล้านบาท) ขณะที่ชาวมาเลเซียมีรายได้เฉลี่ย 62,736 ริงกิต (ราว 507,620 บาท) ในปี 2559 จึงไม่ใช่การลงทุนเพื่อชาวมาเลเซีย แต่เป็นการนำชาวต่างชาติเข้ามา ไม่มีประเทศใดต้องการให้ชาวต่างชาติเข้ามาจนล้นทะลัก
อดีตผู้นำมาเลเซียยกตัวอย่างศรีลังกาว่า เป็นประเทศที่สูญเสียดินแดนไปเป็นจำนวนมากเพราะไม่สามารถจ่ายคืนเงินลงทุนจากจีน รัฐบาลศรีลังกาต้องยกท่าเรือแฮมบันโตตา ทางตอนใต้ของประเทศให้กลุ่มร่วมลงทุนนำโดยบริษัทรัฐของจีนเช่าเป็นเวลานานถึง 99 ปีแทนการชำระหนี้ ดังนั้นหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะขอเจรจาใหม่เรื่องสิทธิและการเข้าน่านน้ำทะเลจีนใต้เพราะมาเลเซียมีเกาะแก่งในน่านน้ำดังกล่าวที่ต้องปกปักไว้ ขณะเดียวกันจะรักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกประเทศ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของมาเลเซียยังไม่ได้ประกาศวันเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่ ดร.มหาเธร์ประกาศแล้วว่า จะคัดค้านคำสั่งของรัฐบาลที่ห้ามพรรคของเขาหาเสียงเลือกตั้งเนื่องจากยื่นเอกสารไม่ทันเส้นตาย.- สำนักข่าวไทย