ธากา 2 มี.ค.- บังกลาเทศเรียกเอกอัครราชทูตเมียนมาเข้าพบวานนี้เพื่อประท้วงเรื่องที่เมียนมาเพิ่มกำลังทหารใกล้ชายแดนบังกลาเทศมากเกินไป เป็นจุดที่ชาวโรฮิงญาจำนวนมากพักอยู่นอกรั้วพรมแดนแต่ยังถือว่าเป็นฝั่งของเมียนมา
กระทรวงต่างประเทศบังกลาเทศแถลงว่า รักษาการรัฐมนตรีได้ขอให้เอกอัครราชทูตเมียนมารับปากว่า เมียนมาจะถอนทหารออกไปจากพรมแดน เพราะการเพิ่มกำลังทหารจะสร้างความสับสนและตึงเครียด อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการส่งกลับชาวโรฮิงญาตามที่ตกลงกันไว้ ด้านปลัดกระทรวงต่างประเทศเมียนมายืนยันว่า มีการเข้าพบจริง ทั้งสองประเทศกำลังประสานงานกันเรื่องลาดตระเวนพรมแดนและแก้ปัญหาชาวโรฮิงญา ส่วนการเคลื่อนกำลังไปใกล้พรมแดนเป็นเรื่องของความกังวลด้านความปลอดภัย ขณะที่โฆษกรัฐบาลเมียนมากล่าวว่า กลุ่มก่อการร้ายโยงกับกองทัพปลดแอกอารกันโรฮิงญาที่บุกด่านทหารและตำรวจ 30 แห่งเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อนกำลังกบดานอยู่ตามพรมแดน เชื่อว่าชาวโรฮิงญาบริเวณนั้นต้องการใช้การกดดันทางการเมืองต่อรัฐบาลและสร้างสถานการณ์ที่จะบีบให้ทางการต้องย้ายพวกเขาออกไป
ทหารและเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนบังกลาเทศเผยว่า ทหารและตำรวจเมียนมาพร้อมอาวุธจำนวนไม่ต่ำกว่า 200 นายได้มาที่รั้วพรมแดนเมื่อวานนี้ ดูเหมือนจะนำอาวุธหนักอย่างปืน ค.เข้ามาด้วย และได้ยิงปืนหนึ่งนัดหวังทำให้ชาวโรฮิงญาราว 950 ครอบครัวที่พักอยู่บริเวณนั้นหวาดกลัว แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ผู้นำชุมชนชาวโรฮิงญาเผยว่า เจ้าหน้าที่เมียนมาใช้เครื่องขยายเสียงบอกให้พวกเขาย้ายออกไป นายทหารบังกลาเทศกล่าวว่า ดูเหมือนเมียนมาพยายามผลักไสชาวโรฮิงญาให้เข้ามาในบังกลาเทศ การส่งทหารมาใกล้พรมแดนมากเกินไปถือว่าละเมิดบรรทัดฐานสากล บังกลาเทศกำลังส่งหนังสือประท้วงและขอเปิดประชุมเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดนของสองฝั่ง
ชาวโรฮิงญาเกือบ 700,000 คนหนีจากเมียนมาเข้าบังกลาเทศ หลังกลุ่มคนร้ายบุกด่านทหารตำรวจเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ทำให้กองทัพเมียนมาส่งกำลังขึ้นไปกวาดล้าง ชาวโรฮิงญาราว 5,300 คน พักอยู่ในค่ายชั่วคราวบริเวณพรมแดนตั้งแต่นั้น เป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครจับจอง (no man’s land) อยู่นอกรั้วพรมแดนเมียนมาแต่ยังถือว่าอยู่ในฝั่งเมียนมา และหลังจากสองประเทศหารือเรื่องจะส่งกลับ ชาวโรฮิงญากว่าครึ่งหนึ่งก็ทยอยเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศ.- สำนักข่าวไทย