มอสโก 16 ม.ค.- ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ชาวรัสเซียดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ลดลง เนื่องจากผู้คนหันมาใส่ใจรักสุขภาพกันมากขึ้น ประกอบกับมาตรการหลายอย่างของรัฐบาลเริ่มส่งผล
องค์การอนามัยโลกเผยว่า ปีที่แล้วผู้ใหญ่ชาวรัสเซียดื่มสุราเฉลี่ย 12.2 ลิตรต่อคนต่อปี ลดลงเกือบ 1 ใน 5 จากปี 2555 อีกทั้งยังน้อยกว่าชาวฝรั่งเศสและชาวเยอรมนีที่ดื่มเฉลี่ย 13.3 และ 13.4 ลิตรต่อคนต่อปีตามลำดับ องค์การอนามัยโลกชี้ว่า กฎหมายที่ทางการทยอยบังคับใช้ในช่วง 13 ปีมานี้เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพและเพิ่มอายุขัยประชาชนมีส่วนช่วยให้คนดื่มสุราลดลง เช่น ห้ามร้านค้าจำหน่ายสุราหลังเวลา 23.00 น. เพิ่มเกณฑ์ขั้นต่ำของราคาค้าปลีกสุรา ห้ามโฆษณาสุราโดยเด็ดขาด อัตราการดื่มสุราในรัสเซียเมื่อปี 2533 ต่ำกว่า 12 ลิตรต่อคนต่อปีเพราะประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟในขณะนั้นออกระเบียบเข้มงวด แต่หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายอัตราการดื่มก็เพิ่มขึ้นจนถึงปี 2550
ขณะเดียวกันการสูบบุหรี่ในรัสเซียก็ลดลงเช่นกัน ผลสำรวจการสูบบุหรี่ของผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไปพบว่า ปี 2559 ผู้ใหญ่ชาวรัสเซียสูบบุหรี่ร้อยละ 30 ลดลงกว่า 1 ใน 5 จากปี 2552 มูลนิธิสุขภาพและการพัฒนาซึ่งเป็นเอ็นจีโอในกรุงมอสโกยอมรับว่า การที่รัฐบาลออกมาตรการเข้มงวดมีส่วนช่วยให้คนสูบบุหรี่ลดลงแม้ราคาบุหรี่รัสเซียยังถูกมากเฉลี่ยซองละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64 บาท) เท่านั้น ขณะเดียวกันกระแสการรักสุขภาพที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกก็มีส่วนช่วยให้ชาวรัสเซียดูแลตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะคนในเมืองใหญ่ที่พากันเข้าฟิตเนสและออกกำลังกายกันมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย