วอชิงตัน 3 ม.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐยอมรับว่า กระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางกำลังประสบปัญหา และขู่จะตัดความช่วยเหลือปาเลสไตน์ที่ได้รับจากสหรัฐปีละกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 9,723 ล้านบาท)
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า สหรัฐจ่ายให้ปาเลสไตน์ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่ได้รับคำชมหรือความนับถือ และในเมื่อปาเลสไตน์ไม่ต้องการเจรจาสันติภาพอีกแล้ว เหตุใดสหรัฐจึงต้องจ่ายเงินล่วงห้าจำนวนมหาศาลให้อีก อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่า การขู่ของทรัมป์หมายถึงการตัดความช่วยเหลือทั้งหมดหรือไม่ โดยเมื่อปี 2559 อยู่ที่ 319 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10,342 ล้านบาท) สหรัฐให้ความช่วยเหลือเรื่องงบประมาณและความปลอดภัยแก่องค์การปาเลสไตน์มานาน ยังไม่รวมเงิน 304 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,857 ล้านบาท) สนับสนุนโครงการของสหประชาชาติในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา
ทรัมป์คุยตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมกราคม 2560 ว่า จะทำให้เกิดข้อตกลงอันเป็นที่สุดเพื่อนำมาซึ่งสันติภาพในตะวันออกกลาง อันเป็นประเด็นของประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนตั้งแต่คริสต์ทศวรรษหลังปี 1960 บทบาทของสหรัฐสะดุดเมื่อทรัมป์ประกาศรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเมื่อต้นเดือนธันวาคม จุดกระแสประท้วงและประณามจากนานาชาติ ขณะที่ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาสของปาเลสไตน์ยกเลิกกำหนดการพบกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ของสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย