เจนีวา 19 ธ.ค. – ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ กล่าววานนี้ว่า เมียนมาได้กระทำการอย่างชัดเจนว่า มีการวางแผนในการใช้กำลังเข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา ทำให้เกิดการอพยพหนีภัยครั้งใหญ่ และเตือนว่า การกวาดล้างดังกล่าวอาจถือว่าเป็นการล้างเผ่าพันธุ์ได้
เซอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติกล่าวว่า เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ปฎิบัติการของทางการเมียนมา มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นการฆ่าล้างเผาพันธุ์ เมื่อวันพฤหัสบดีทีผ่านมา องค์กรแพทย์ไร้พรมแดนรายงานว่า ชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 6,700 คน ถูกสังหารในช่วงเดือนแรกที่ฝ่ายความมั่นคงเมียนมา ใช้กำลังกวาดล้างกลุ่มกบฎในรัฐยะไข่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นอกจากนั้น ชาวมุสลิมโรฮิงญากว่า 655,000 คน ก็หนีภัยข้ามชายแดนไปยังเมืองค็อกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศ ในขณะที่ทางการเมียนมาก็ปฎิเสธมาโดยตลอดว่า ไม่ได้กระทำการโหดร้ายในรัฐยะไข่ พร้อมกับระบุว่า การกวาดล้างเป็นการตอบโต้อย่างสมเหตุสมผลเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาที่ก่อเหตุโจมตีที่มั่นของตำรวจหลายแห่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาที่ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตนับ 10 คน อย่างไรก็ตาม นายเซอิด กล่าวว่า หลักฐานต่าง ๆ ดูเหมือนจะไม่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของทางการเมียนมา เขายังชี้ว่า พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของการกวาดล้าง และมีเด็กที่ได้รับผลกระทบในปฎิบัติการดังกล่าวด้วย มิใช่กลุ่มติดอาวุธแต่เพียงฝ่ายเดียว.-สำนักข่าวไทย