เยอรมนี 21 พ.ย.- นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประกาศหลังจากเจรจาตั้งรัฐบาลผสมล้มเหลวที่ทำให้เยอรมนีเข้าสู่ภาวะวิกฤติทางการเมืองอีกครั้งว่า ขอเลือกตั้งกันใหม่ดีกว่าจะให้เป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย
นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีย้ำว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้เธอต้องลาออกจากตำแหน่งแม้ว่าการเจรจาก่อตั้งรัฐบาลจะล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าก็ตาม การเจรจาดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ระหว่างพรรคซีดียู/ซีเอสยู ของนางแมร์เคิล พรรคฟรีเดโมแครต หรือเอฟดีพี และพรรคกรีน ในที่สุดพรรคเอฟพีดี ได้ถอนตัวออกจากการเจรจา นายแฟรงค์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนีผู้มีอำนาจในการประกาศให้มีการเลือกตั้ง ได้กล่าวเรียกร้องให้ทุกพรรคประนีประนอมกันเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติและว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน นับเป็นการท้าทายนางแมร์เคิลรุนแรงที่สุดในรอบ 12 ปี จนกระทั่งนางต้องเอ่ยปากว่า การตั้งรัฐบาลนั้นยากเย็นแสนเข็ญกว่าที่คิดไว้ และว่าถ้าจะให้เป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขอลงสู้เลือกตั้งกันใหม่จะดีกว่า
ขณะที่นายมาร์ติน ชูลท์ หัวหน้าพรรคเอสพีดี ก็ประกาศว่าไม่เคยหวั่น หากจะมีเลือกตั้งกันใหม่ แม้พรรคของนางแมร์เคิลจะชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ได้ครองเสียงข้างมาก การเจรจาตั้งรัฐบาลกับพรรคเอฟดีพีซึ่งมีนโยบายหนุนการตลาด กับพรรคกรีน จึงเกิดขึ้นและใช้เวลานานถึงกว่า 4 สัปดาห์ก่อนพรรคเอฟดีพีจะประกาศถอนตัวจากการเจรจา โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีความเชื่อมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคซีดียูและพรรคกรีน แม้นางแมร์เคิลจะเปรยว่าอยากให้มีเลือกตั้งใหม่ แต่นักวิเคราะห์บอกว่าหากมีเลือกตั้งใหม่จริง ผลประโยชน์จะตกแก่พรรคเอเอฟดีซึ่งมีนโยบายต่อต้านอิสลามและต่อต้านผู้อพยพ ดังนั้นคาดว่า พรรคอื่นๆ คงไม่เห็นด้วยกับเธอ โดยพรรคเอเอฟดี ได้คะแนนเสียง 12.6% จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เข้าสู่รัฐสภาเยอรมนีด้วย ส.ส.90 ที่นั่งเป็นครั้งแรก ด้านนายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสที่หวังแรงสนับสนุนจากนางแมร์เคิลในการปฏิรูปสหภาพยุโรปกล่าวว่า วิกฤติการณ์ทางการเมืองในเยอรมนีคราวนี้ทำให้ตนกังวลมาก และหวังว่าจะผ่านไปด้วยดี.-สำนักข่าวไทย