เนปิดอว์ 11 ก.ค.- เมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจากับสหรัฐ ให้ลดภาษีศุลกากรที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บร้อยละ 40 ขณะที่ผู้นำฟิลิปปินส์จะไปพบผู้นำสหรัฐ ในเดือนนี้ หลังจากถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย
สื่อทางการเมียนมารายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เรียกร้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้ลดภาษี หลังจากนายทรัมป์ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าของเมียนมาร้อยละ 40 และเมียนมาพร้อมส่งทีมไปเจรจาที่สหรัฐหากจำเป็น ผู้นำเมียนมายังเสนอให้สหรัฐลดภาษีเมียนมาลงเหลือร้อยละ 10-20 โดยที่เมียนมาจะลดภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐเป็นร้อยละ 0-10 สื่อรัฐบาลเมียนมา รายงานด้วยว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาชื่นชมความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการนำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองด้วยจิตวิญญาณความรักชาติโดยแท้จริง
ด้านนางเธเรซา ลาซาโร รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียว่า นายเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์จะพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐในเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 คนได้พบกัน เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรที่ฟิลิปปินส์ถูกสหรัฐเรียกเก็บในอัตราร้อยละ 20 โดยไม่มีคำอธิบาย จากเดิมที่สหรัฐประกาศไว้ที่ร้อยละ 17 ในวันปลดแอก 2 เมษายน
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การพบปะของผู้นำทั้งสองจะมีขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม ขณะที่สำนักงานของประธานาธิบดีมาร์กอสระบุว่า นายมาร์กอสมีกำหนดเยือนสหรัฐระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม ทั้งนี้สหรัฐขาดดุลการค้าให้ฟิลิปปินส์ 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 159,622 ล้านบาท) ในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.8 ในปี 2566.-820,816(814).-สำนักข่าวไทย