10 ก.ค. – เครื่องบินสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ MH17 เป็นโศกนาฏกรรมเลวร้ายเกี่ยวข้องกับความข้ดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ล่าสุดศาลของยุโรปได้มีคำตัดสินออกมา
298 ชีวิตต้องจบลงที่นี่ การเดินทางของพวกเขา ผู้โดยสารและลูกเรือบนเที่ยวบิน MH17 จากเนเธอร์แลนด์ไปมาเลเซีย ถูกตัดให้สั้นลงเหนือน่านฟ้าของยูเครน เหนือพื้นที่สู้รบระหว่างรัฐบาลกับกบฏแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซีย
ผ่านมา 11 ปี ญาติมิตรของผู้เสียชีวิตเฝ้ารอความยุติธรรม ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปได้มีคำตัดสินว่ารัสเซียเป็นผู้ต้องรับผิดชอบการยิงเครื่องบินพลเรือนลำนี้ตก องค์คณะตุลาการศาลวินิจฉัยว่ากองกำลังรัสเซียเข้าร่วมในปฏิบัติการที่ผิดกฎหมายอย่างชัดแจ้ง เพื่อยิงโจมตีเครื่อง MH17 ด้วยขีปนาวุธบุค ระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง จากพื้นสู่อากาศของรัสเซีย
จากหลักฐานที่ปรากฏ การยิงขีปนาวุธเป็นการจงใจโจมตี MH17 ด้วยความเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องบินรบ โดยที่รัสเซียไม่ได้ตรวจสอบเป้าหมายใดๆ เลย ซึ่งเป็นการละเมิดหลักการแบ่งแยกพลรบกับพลเรือน และหลักการเตือนภัยก่อนการโจมตี เมื่อรัสเซียเป็นผู้จัดหาขีปนาวุธให้กลุ่มกบฏ จึงถือเป็นผู้รับผิดชอบ คำวินิจฉัยของศาลเช่นนี้ตรงกับองค์การการบินพลเรือนสากล ที่ได้เรียกร้องให้ชดใช้ความเสียหายด้วย 11 ปีที่รอคอย คำตัดสินนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้สูญเสีย
แต่สำหรับรัสเซียมันไม่ได้มีความหมายเลย รัฐบาลรัสเซียซึ่งได้ปฏิเสธกระบวนการศาลสิทธิมุษยชนแห่งยุโรป ขณะนี้มีเพียงปฏิกิริยาจากโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ยืนกรานว่ารัสเซียจะไม่ปฏิบัติตาม โดยถือว่าเป็นโมฆะ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อรัสเซียยกทัพบุกยูเครน ศาลจึงได้ขับรัสเซียออกจากการเป็นภาคี แต่ศาลยังคงมีอำนาจในการพิจารณาคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นได้ และรัสเซียยังคงมีข้อผูกมัดให้ต้องเข้าร่วมในกระบวนการอยู่ ศาลยังจะมีกำหนดตัดสินเรื่องจำนวนค่าเสียหายที่รัสเซียต้องชดใช้ แต่ด้วยจุดยืนรัสเซีย จึงมีความหวังน้อยเหลือเกิน ที่จะได้รับค่าชดใช้ใดๆ
สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต คำตัดสินของศาลคือคำตอบเพื่อความยุติธรรม คนบนเครื่อง 298 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ 198 คน ชาวมาเลเซีย 43 คน ชาวออสเตรเลีย 38 คน ชาวอังกฤษ 10 คน และจากประเทศอื่นๆ อีก 13 ประเทศ ครอบครัวอื่นๆ ก็ได้รับความจริงจากกระบวนการยุติธรรมที่เฝ้ารอมานาน
คุณพ่อชาวเนเธอร์แลนด์ที่สูญเสียลูกชาย 18 ปี กล่าวว่า คำตัดสินของศาลให้คำตอบว่าใครก่อโศกนาฏกรรม นั่นคือรัสเซียเป็นผู้สังหารลูกชายของเขา ตรงกับหลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นนี้ของทางการเนเธอร์แลนด์ที่เป็นเสียงของ นายปูติน ผู้นำรัสเซีย ผู้นำกองกำลังกบฏ ที่สั่งการให้ส่งอาวุธหนักสำหรับโจมตีอากาศยานไปยังยูเครน.-สำนักข่าวไทย