‘ดีโอโก โชต้า’ กองหน้าลิเวอร์พูล เสียชีวิต

ลอนดอน 4 ก.ค. – ดีโอโก โชต้า นักเตะกองหน้าทีมชาติโปรตุเกสของสโมสรลิเวอร์พูล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ประเทศสเปน ด้วยวัยเพียง 28 ปี แฟนบอลทั่วโลกต่างร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปอย่างกะทันหันครั้งนี้


มาร์กา สื่อในสเปนเป็นสื่อแรกที่รายงานข่าวความสูญเสียช็อควงการฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยอ้างอิงแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังป้องกันพลเรือนระบุว่า เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำพุ่งตกข้างทางและเกิดไฟไหม้ บนทางหลวงสาย เอ-52 ในย่านเซอร์นาดิลญา จังหวัดซาโมรา ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน เมื่อเวลาประมาณ 00.40 น. กลางดึกคืนวันพุธตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตในซากรถ 2 ราย คือ ดีโอโก โชต้า นักเตะกองหน้าทีมชาติโปรตุเกสของสโมสรลิเวอร์พูล วัย 28 ปี และ อังเดร ฟิลิป ดา ซิลวา วัย 25 ปี น้องชายของ ดีโอโก โชต้า ซึ่งค้าแข้งกับสโมสรพีนาฟีล ในลีกดิวิชั่น 2 ของโปรตุเกส

ตำรวจและกองกำลังป้องกันพลเรือนสเปนเผยว่า รถยนต์แลมบอร์กินี ฮูรากัน คันที่ประสบเหตุ เกิดยางแตกขณะเร่งแซงรถยนต์อีกคัน ทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำพุ่งตกร่องกลางถนน ก่อนเกิดเพลิงลุกไหม้จนเสียหายทั้งคัน ดีโอโก โชต้า และน้องชายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ


ขณะที่สื่ออังกฤษหลายสำนักรายงานในเวลาต่อมาว่า โชต้าเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเล็กน้อยที่ปอดช่วงก่อนหน้านี้ไม่นาน และแพทย์แนะนำให้เขางดการเดินทางด้วยเครื่องบิน ทำให้โชต้าเลือกขับรถยนต์จากลิเวอร์พูล ข้ามเรือเฟอร์รีจากทางใต้ของอังกฤษ มายังท่าเรือเมืองซานทานเดร์ ทางเหนือของสเปน แล้วขับรถลงใต้ไปยังเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกสบ้านเกิด เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับแฟนสาวที่คบหากันมา 10 กว่าปีแล้วมีลูกด้วยกัน 3 คน เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา เขาอยู่ระหว่างเดินทางกลับอังกฤษเพื่อเตรียมไปรายงานตัวกับลิเวอร์พูลต้นสังกัดด้วยเส้นทางเดิม เพื่อไปขึ้นเรือเฟอร์รีที่สเปน โดยมี อังเดร ฟิลิป น้องชายเป็นคนขับช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ

ขณะที่ในช่วงเย็นวานนี้ ครอบครัวของดีโอโก โชต้า รวมถึงภรรยาที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกัน มารดาและเอเยนต์ ได้เดินทางไปรับศพของโชต้าและน้องชาย ที่สถาบันนิติเวชของทางการท้องถิ่นเมืองปวยบลา เดอ ซานาเบรีย จังหวัดซาโมรา เพื่อนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดในโปรตุเกสวันเสาร์นี้

หลังทราบข่าวเศร้า สมาคมฟุตบอลโปรตุเกส ต้นสังกัดทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทั้งวูลฟ์แฮมป์ตัน ปอร์โต และลิเวอร์พูล สตาฟฟ์โค้ช รวมถึงเพื่อนนักเตะ ต่างโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของเขา สโมสรลิเวอร์พูลบอกด้วยว่า จะยังไม่แสดงความเห็นใดๆ เพิ่มเติมหลังจากนี้ รวมถึงขอให้ทุกฝ่ายเคารพความเป็นส่วนตัวของครอบครัว ดีโอโก โชต้า สโมสร และเพื่อนนักเตะในทีม ในช่วงเวลาที่ยากลำบากตอนนี้


ส่วนด้านหน้าสนามแอนฟิลด์ในเมืองลิเวอร์พูล แฟนบอลทีมหงส์แดงและผู้คนจำนวนมากเดินทางมาวางดอกไม้ ผ้าพันคอ และเสื้อทีมลิเวอร์พูล เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของดาวเตะวัย 28 ปี หลายคนบอกว่าตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะโชต้ามีส่วนสำคัญกับความสำเร็จของลิเวอร์พูลในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา แฟนบอลบางส่วนยังเรียกร้องให้ลิเวอร์พูล ยกเลิกเสื้อหมายเลข 20 ที่ โชต้า สวมอยู่ในปัจจุบัน เพื่อยกย่องและให้เกียรตินักเตะผู้ล่วงลับ

โชต้า เริ่มต้นค้าแข้งกับสโมสร พากอส เดอ แฟร์ไรรา ในโปรตุเกสบ้านเกิด จากนั้นย้ายไปร่วมทีม แอตเลติโก มาดริด ในลาลีกาของสเปน เมื่อปี 2016 ตามด้วยการย้ายไปเอฟซี ปอร์โต และวูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ในลีกแชมเปี้ยนชิพของอังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัวในปี 2017 ช่วยให้วูลฟ์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียน์ลีก ก่อนย้ายร่วมทีมอย่างถาวรด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ ลงเล่นให้ทีม 131 นัด ยิงได้ 44 ประตู จากนั้น ย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูลเมื่อปี 2020 ด้วยค่าตัว 41 ล้านปอนด์ ลงเล่นให้ทีมหงส์แดงไปแล้ว 182 นัด ยิงได้ 65 ประตู ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ส่วนการค้าแข้งระดับทีมชาติ ลงสนามให้กับทีม 49 นัด ยิงได้ 46 ประตู เพิ่งมีส่วนช่วยทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีค เมื่อเดือนที่แล้ว.-815.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

Hun Sen in vdo call

“ฮุน เซน” ยืนยันไม่หนีออกจากกัมพูชา

พนมเปญ 24 ก.ค.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังอยู่ในกัมพูชา หลังจากมีข่าวว่าเขาหนีออกนอกประเทศไปจีน นายฮุน เซน โพสต์เป็นภาษาเขมรในหน้าเฟซบุ๊กชื่อ Samdech Hun Sen of Cambodia ที่มีผู้ติดตาม 14 ล้านคน และไม่ได้ติดตามใคร เมื่อช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยอ้างว่า หนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งรายงานว่า เขาเดินทางออกจากกัมพูชาไปจีน เขาขอยืนยันว่า ขณะนี้กำลังประชุมทางวิดีโอกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารในทุกระดับ เพื่อสู้รบกับไทย เขาไม่ได้วิ่งหนี ดังนั้นขอให้เพื่อนร่วมชาติอย่าได้กังวล นายฮุน เซนโพสต์ว่า เขามาประชุมเรื่องนี้ตั้งแต่แม่ทัพภาค 2 ของไทยประกาศจะปิดทางเข้าปราสาทตาเมือนธม พร้อมกับลงภาพตนเองขณะกำลังคุยโทรศัพท์และประชุมทางวิดีโอหลายภาพ.-814.-สำนักข่าวไทย

สมช.ประณามกัมพูชา ย้ำยังไม่ใช่ภาวะสงคราม

24 ก.ค. – สมช. ประณามการกระทำของกัมพูชา ใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาฝั่งไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ พร้อมย้ำขณะนี้เป็นเพียงการปะทะกัน ยังไม่ใช่ภาวะสงคราม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้เป็นนัดพิเศษ และเป็นการประชุม ครม.ด้วย โดยได้รับรายงานการปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชา และมีการใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในเขตแดนประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 นาย และบาดเจ็บ 28 คน จึงขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้กำลังโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ขณะที่อาวุธหนักบางลูกยิงเข้ามาที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งห่างชายแดนเพียง 3 กิโลเมตร ถือเป็นการใช้กำลังโดยไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ยืนยันไม่ใช่ภาวะสงคราม เป็นเพียงการปะทะกันเท่านั้น และย้ำว่าไทยใช้สันติวิธี ไม่ประสงค์ใช้ความรุนแรง แต่เป็นการยั่วยุ จึงต้องป้องกันตนเองและประเทศชาติ ซึ่งไทยไม่ยอมให้มีการละเมิดอธิปไตย ทั้งนี้ ได้เตรียมการป้องกันและปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่ โดยใช้มาตรการต่างๆ และอำนาจทางการทหารอย่างเหมาะสม ซึ่งหากฉุกเฉินทหารสามารถปฏิบัติการได้ทันที โดยให้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ […]

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย