โซล 2 ก.ค. – ผู้คนในกรุงโซลของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับการระบาดของแมลงที่เรียกว่า ‘เลิฟบัก’ (Lovebugs) อย่างหนัก ผู้เชี่ยวชาญเชื่อเป็นผลจากทั้งโลกร้อนและการพัฒนาเมือง ทำให้แมลงเขตร้อนบุกเมือง
ภูเขาแห่งหนึ่งในเมืองอินชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล มีแมลงเลิฟบั๊กปกคลุมแน่นหนาในเส้นทางเดินป่าและจุดชมวิว แมลงเหล่านี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Plecia longiforceps ได้รับฉายา ‘เลิฟบัก’ (Lovebugs) จากพฤติกรรมบินเกาะกันเป็นคู่ขณะผสมพันธุ์ ตัวผู้มักตายหลังผ่านไป 3-4 วัน ส่วนตัวเมียมีอายุอยู่ได้ราวหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะวางไข่หลายร้อยฟองในดินชื้น
แมลงชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในเขตกึ่งร้อนชื้นทางตอนใต้ของจีน ไต้หวัน และหมู่เกาะริวกิวของญี่ปุ่น ถูกพบในเกาหลีใต้ครั้งแรกเมื่อปี 2022 ช่วงการระบาดโควิด-19 ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและการพัฒนาเมืองโดยรอบพื้นที่ภูเขา รวมถึงปรากฏการณ์เกาะความร้อน (urban heat island) ในกรุงโซล สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้แมลงเหล่านี้แพร่กระจาย
การระบาดที่ขยายวงกว้างทำให้เกิดการถกเถียงถึงแนวทางจัดการแมลงชนิดนี้ ทางการกรุงโซลเผยว่า แม้แมลงพวกนี้จะดูน่ารังเกียจ แต่ก็มีประโยชน์ทางนิเวศ โดยตัวอ่อนช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุในดิน และแมลงโตเต็มวัยช่วยผสมเกสรพืช อีกทั้งยังไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์และไม่เป็นหพาหะนำโรค พร้อมระบุว่าการใช้สารเคมีกำจัดแมลงอาจทำลายสิ่งมีชีวิตอื่นและส่งผลกระทบต่อมนุษย์ แต่ผู้คนจำนวนมากเริ่มหมดความอดทน ผลสำรวจพบว่า 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าแมลงชนิดนี้เป็นศัตรูพืช จัดให้เป็นแมลงที่น่ารำคาญเป็นอันดับสาม รองจากแมลงสาบและตัวเรือด
ทางการแนะนำประชาชนให้ฉีดน้ำเพื่อไล่แมลงออกจากพื้นผิว หลีกเลี่ยงไฟสว่างภายนอกบ้าน รวมถึงสวมเสื้อผ้าสีเข้มเมื่ออยู่นอกอาคาร เนื่องจากแมลงเหล่านี้ชอบสีสดและแสงสว่าง ด้านนักวิจัยของรัฐบาลกำลังพัฒนาสารชีวภาพจากเชื้อราที่สามารถกำจัดตัวอ่อนของแมลงเลิฟบั๊กโดยไม่ทำลายสมดุลระบบนิเวศ
อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่าธรรมชาติกำลังควบคุมจำนวนแมลงเหล่านี้อยู่เอง เมื่อพบว่านกบางชนิด เช่น นกกาเหว่าและนกกระจอก เริ่มกินแมลงชนิดนี้เป็นอาหาร ทำให้จำนวนลดลงในบางพื้นที่ อีกทั้งยังพบว่า การระบาดของเลิฟบั๊กมักอยู่ในช่วงสั้นๆ เนื่องจากอายุขัยที่สั้นของพวกมัน ประชากรแมลงจะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม หรือหลังระยะเวลาระบาดประมาณ 2 สัปดาห์.-815.-สำนักข่าวไทย