25 มิ.ย. – รายงาน 9 ทันโลก วันนี้พาไปติดตามกระแสกัญชาโลกและประสบการณ์ของหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์และนันทนาการ
กระแสทั่วโลกมาหลายปี กรณีของไทยนั้นเคยถูกมองว่าอาจเป็นต้นแบบของการปลดล็อก แต่ต้องสะดุดไปอย่างที่เห็น เมื่อไปดูตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จแล้ว ยืนยันว่าเป็นเพราะขาดเงื่อนสำคัญ คือ กฎหมายควบคุมที่ชัดเจนไม่คลุมเคลือ
เสียงเรียกร้องเพื่อกัญชาเสรี จากท้องถนนในนครเซาเปาลู ผู้คนหลั่งไหลจากเข้าร่วมการเดินเท้าล่าสุดที่เป็นส่วนหนึ่ง การเดินขบวนเสรีกัญชาโลก นักเคลื่อนไหว ผู้ใช้กัญชา ตัวแทนกลุ่มประชาสังคม และกลุ่มผู้ดูแลสุขภาพ ร่วมเรียกร้องปลดล็อกกัญชาครั้งใหญ่ในอเมริกาใต้ นักบำบัดคนนี้บอกว่าสารแคนาบินอยด์ในกัญชาช่วยรักษาผู้คน ผู้แวดวงสุขภาพต้องเรียนรู้ประโยชน์มากขึ้น เพราะวิทยาศาสตร์ด้านนี้พัฒนาไม่หยุด
ในบราซิล สถานการณ์คล้ายคลึงกับไทย ตรงที่ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ยังขาดความชัดเจน แม้ว่าไทยจะเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เมื่อปี 2564 ในเวลานั้นหลายประเทศเฝ้ามองไทย หวังศึกษาให้เป็นต้นแบบในการใช้ประโยชน์จากพืชเศรษฐกิจมาแรงที่ใช้เป็นตำรับยาการแพทย์แผนไทยมาช้านาน แต่ไทยไม่สามารถเป็นแบบอย่างได้ สาเหตุหลักเพราะ พ.ร.บ.ควบคุมเฉพาะ นำไปสู่ปัญหาการเข้าถึงที่ไร้ขอบเขต ขาดการควบคุม จำกัดผู้ใช้ และกฎระเบียบธุรกิจค้า ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองเป็นอุปสรรคขัดขวาง ทำให้ความคลุมเคลือกลายเป็นปัญหา
จากประสบการณ์ประเทศต้นแบบการปลดล็อกกัญชา จะเห็นว่ากEเกณฑ์ที่เข้มงวดคือกุญแจสำคัญของความสำเร็จ
อุรุกวัย เป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการได้ตั้งแต่ปี 2556 โดยรัฐบาลนายโอเซ มูฮิกา ประธานาธิบดีในเวลานั้น กฎเกณฑ์ที่นั่นชัดเจน รัฐควบคุมตลาด กำหนดร้านขายยาผู้จำหน่าย ปลูกเอง หรือร่วมชมรม ในฐานะผู้บุกเบิกอุรุกวัย เผชิญปัญหาขลุกขลักอยู่บ้าง
สำหรับแคนาดา ประเทศที่สองของโลกที่ปลดล็อกกัญชานั้น ได้ชื่อว่าเป็นแบบอย่างชั้นดี แคนาดาเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ จี 7 ที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์มาหลายปีแล้ว จึงเปิดให้ใช้เพื่อนันทนาการได้เมื่อปี 2561
เช่นกันแคนาดามีกฎหมายควบคุมที่เรียกว่า Cannabis Act กำหนดกรอบชัดเจนครอบคลุมการผลิต การจัดจำหน่าย สาธารณสุข ความปลอดภัย ระดับอายุของผู้ใช้ ไปจนถึงรายละเอียดปลีกย่อย เช่น การโฆษณา และบรรจุภัณฑ์ผู้ผลิตและจำหน่ายเห็นหน้าเห็นตา มีใบอนุญาติชัดเจน นำไปสู่การต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ แล้วค่อยกำจัดผู้เล่นในตลาดมืด นำไปสู่แหล่งรายได้ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนเพื่อนบ้านทางใต้ของแคนาดา คือ สหรัฐ ในกฎหมายระดับประเทศกัญชายังเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่สหรัฐก็ยังเป็นตลาดกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ เพราะบางรัฐปลดล็อกแล้วเช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีประชากรมากที่สุด และมีความก้าวหน้าด้านกฎหมาย กฎเกณฑ์ และการพาณิชย์ แต่ด้วยความที่กฎหมายรัฐบาลกลางยังไม่ปลดล็อก ทำให้ในระดับประเทศจึงมีอุปสรรคเรื่องธุรกรรม การค้าระหว่างรัฐ และการวิจัยพัฒนา
ส่วนในยุโรป กระแสกัญชาก็เคลื่อนไหวต่อเนื่อง เยอรมนี เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปรายที่สาม ต่อจากมอลตา และลักเซมเบิร์ก ที่ได้ปลดล็อกอนุญาตให้ใช้กัญชา โดยกำหนดแนวทางเป็นขั้นเป็นตอนเริ่มตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เริ่มจากให้บุคคลครอบครองเพื่อใช้ได้ไม่เกิน 50 กรัม ในบ้าน แล้วค่อยๆ นำไปสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์
เมื่อสำรวจผลสำเร็จของการใช้ประโยชน์จากกัญชา แคนาดาถือได้ว่าเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นที่สุด ก่อนปลดล็อคควบคุมให้ใช้ทางการแพทย์อย่างรัดกุมมานาน กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือกฎหมายควบคุมที่ไปสู่แหล่งรายได้เชื่อว่าตลาดกำลังจะแซงหน้าธุรกิจสุราแล้ว
นั่นคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับกรณีของไทย ซึ่งไร้กฎหมายควบคุม แล้วยังคลุมเคลือหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานะ “ยา” หรือ “สินค้า” ขาดหน่วยงานเป็นผู้กำกับดูแล และที่สำคัญคือเจตจำนงร่วมทางการเมือง ทำให้จากที่กัญชาไทย สมุนไพรในตำราแพทย์แผนไทยมานับร้อยปี จะเป็นแบบอย่างของโลก กลับต้องกลายเป็นบทเรียนที่อาจเกิดกระแสย้อนกลับขึ้นในสังคมได้.-สำนักข่าวไทย