วอชิงตัน 23 มิ.ย. – สหรัฐระบุไม่ได้ทำสงครามกับอิหร่านแต่ทำสงครามกับโครงการนิวเคลียร์ การโจมตีในอิหร่านไม่ได้เป็นการเริ่มต้นแผนการเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองหรือรัฐบาลอิหร่านแต่อย่างใด ขณะที่รัฐสภาอิหร่านลงมติปิดช่องแคบฮอร์มุซ ส่อเค้าส่งราคาน้ำมันโลกพุ่ง
รองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ ของสหรัฐให้สัมภาษณ์รายการ ดิส วีค ของสถานีโทรทัศน์ เอบีซี ในวันอาทิตย์ ระบุสหรัฐไม่ได้ทำสงครามกับอิหร่าน แต่ทำสงครามกับโครงการนิวเคลียร์ การโจมตีของสหรัฐตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหยุดชะงักและถูกผลักดันให้ถอยหลังย้อนกลับไปเป็นเวลานานมาก ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความชัดเจนอย่างมากว่า สหรัฐไม่ได้สนใจที่จะทำให้ปัญหาขัดแย้งในตะวันออกกลางยืดเยื้อ แวนซ์ยังกล่าวหาอิหร่านไม่ได้เจรจาด้วยความจริงใจ เป็นเหตุผลที่เร่งให้สหรัฐต้องโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
ด้าน พีต เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม แถลงว่า การโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ไม่ได้เพื่อเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของอิหร่าน ประธานาธิบดีทรัมป์อนุมัติปฏิบัติการอย่างแม่นยำเพื่อขจัดภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของชาติจากโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมเตือนอิหร่านไม่ให้ทำตามคำขู่ในการแก้แค้นสหรัฐเพราะกองกำลังสหรัฐถูกจัดวางกำลังเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัวเองอยู่แล้วและจะดำเนินการถ้ามีความจำเป็น


ส่วนรายละเอียดปฏิบัติการโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งของอิหร่าน คือ ฟอร์โดว์ อิสฟาฮาน และนาทันซ์ สหรัฐใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ 14 ลูก ขีปนาวุธโทมาฮอว์คมากกว่า 20 ลูก และอากาศยานทางการทหารมากกว่า 125 ลำ ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน รุ่น บี-2 เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการด้วย การประเมินเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ที่ตั้งนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งของอิหร่านถูกโจมตีเสียหายและถูกทำลายล้างอย่างหนัก แต่ปฏิเสธที่จะคาดเดาว่าขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจยังมีอยู่อีกหรือไม่
ในส่วนท่าทีของอิหร่าน ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน แถลงถึงการโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ในอิหร่าน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า สหรัฐคือแรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอิหร่านของอิสราเอล สหรัฐต้องเข้ามามีส่วนร่วมหลังจากเห็นความด้อยประสิทธิภาพของอิสราเอล แต่อิหร่านได้แสดงให้เห็นหลายครั้งแล้วว่าจะไม่ลดละความพยายามเพื่อปกป้องผืนน้ำและผืนดินของตัวเอง ขณะที่ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน บอกว่าอิหร่านขอสงวนทุกทางเลือกเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ และคงไม่สามารถกลับคืนสู่แนวทางการทูตได้ขณะยังอยู่ภายใต้การโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐฯ อิหร่านกำลังชั่งน้ำหนักทางเลือกที่มีเพื่อตอบโต้ เขาจะเดินทางไปรัสเซียซึ่งอิหร่านมีข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันอยู่ และจะเข้าปรึกษาหารือกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียในวันนี้
ด้านสมาชิกรัฐสภาอิหร่านลงมติให้มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ระหว่างอิหร่านกับโอมาน หนึ่งในเส้นทางหลักที่ใช้ลำเลียงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกว่า 1 ใน 5 ของโลก แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังไม่ถือว่าสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านความเห็นชอบขั้นสุดท้ายจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านก่อน อย่างไรก็ดี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านเผยก่อนหน้านี้ว่า มาตรการปิดช่องแคบฮอร์มุซเป็นทางเลือกที่อาจพิจารณาใช้เพื่อตอบโต้การโจมตี และอิหร่านจะใช้แน่ถ้าจำเป็น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะกระทบต่อราคาน้ำมีนดิบในตลาดโลกอย่างแน่นอน

ขณะที่อิสราเอลเริ่มกลับมาเปิดสนามบิน รับเที่ยวบินขาเข้าและขาออกเป็นบางส่วน หลังจากเปิดน่านฟ้าเป็นเวลา 6 ชั่วโมงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ เพื่อรับเที่ยวบินอพยพผู้ติดค้างในต่างแดนตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน เที่ยวบินขาเข้าและขาออกที่ท่าอากาศยานระหว่างประเทศเบนกูเรียน ที่จะเริ่มเปิดให้ทำการบินได้บางส่วนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวดรวมทั้งมีการจำกัดเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร.-815.-สำนักข่าวไทย