กรุงเทพฯ 20 มิ.ย.- เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทยย้ำว่า อิหร่านมีสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเองจากการรุกราน ขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกไม่เพิกเฉย อิหร่านยังคงยึดมั่นต่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ และไม่ต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์
นายนอเศเรดดีน ฮัยแดรี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในการเสวนาหัวข้อ “สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากกาซ่าสู่เตหะราน” ที่มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทยในวันนี้ โดยได้บรรยายถึงสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคว่า ระบอบไซออนิสต์ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขจากมหาอำนาจโดยเฉพาะสหรัฐได้ก่ออาชญากรรม ด้วยการโจมตีอย่างไร้เป้าหมาย ไร้มนุษธรรม และขัดต่อหลักกฎหมายระหว่างประเทศในอิหร่าน สังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ผู้นำทหาร และนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ มีพลเรือนเสียชีวิต 60 ราย เป็นเด็กและสตรีมากถึง 35 ราย
ข้ออ้างที่ใช้โจมตีอิหร่าน คือ โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ทั้งที่โครงการนี้อยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ (IAEA) การโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของไอเออีเอจึงเป็นการละเมิดกฎหมายสากลอย่างร้ายแรง อิหร่านได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อยุติการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของอิหร่านโดยทันที แต่ยูเอ็นเอสซีกลับไม่สามารถออกมติหรือดำเนินการใด ๆ เพื่อลงโทษผู้รุกราน
อิหร่านขอเรียกร้องนานาประเทศให้ประณามและไม่เพิกเฉยต่อการรุกราน และจำเป็นต้องตั้งกลไกที่มีประสิทธิภาพเพื่อหยุดยั้งการรุกราน ให้ความคุ้มครองประชาชนที่อยู่ภายใต้การยึดครอง และป้องกันไม่ให้วิกฤตลุกลามขยายวงกว้างในภูมิภาค
ขณะเดียวกันอิหร่านยังคงยึดมั่นอย่างมั่นคงต่อหลักการกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรแห่งสหประชาชาติ และการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
ต่อข้อถามเรื่องจะทำให้ประชาคมโลกมั่นใจได้อย่างไรว่า โครงการนิวเคลียร์อิหร่านเป็นไปเพื่อสันติตามที่อิหร่านยืนยัน เอกอัครราชทูตอิหร่านฯ กล่าวว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่มีอาวุธเคมี อาวุธชีวภาพและอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ได้เป็นภาคีของสนธิสัญญาปลดอาวุธใด ๆ ขณะที่อิหร่านเป็นภาคีของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์หรือเอ็นพีที (NPT) สถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกไอเออีเอตรวจพิสูจน์อย่างเข้มงวดอย่างที่ไม่มีประเทศใดถูกตรวจพิสูจน์เช่นนี้มาก่อน ทั้งที่มีวัตถุประสงค์ทางสันติเท่านั้น นอกจากนั้นบันทึกของไอเออีเอยังระบุด้วยว่า ไม่พบสัญญาณใด ๆ ว่ามีการดัดแปลงสถานที่ตั้งทางนิวเคลียร์ไปเพื่อการทำอาวุธนิวเคลียร์
เอกอัครราชทูตอิหร่านฯ กล่าวว่า มีหลายเหตุผลที่อิหร่านไม่ปรารถนาที่จะมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุด คือ ฟัตวาของผู้นำสูงสุดที่สั่งห้ามเอาไว้ ส่วนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเป็นสิ่งที่ได้รับอนุญาตจากไอเออีเอ และการมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ใช่สิ่งรับประกันความปลอดภัย
ต่อข้อถามว่า จะมีสิ่งใดช่วยลดทอนความตึงเครียดของสถานการณ์ในขณะนี้ได้ เอกอัครราชทูตอิหร่านฯ ตอบว่า อิหร่านไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มสงครามนี้ก่อน และเป็นฝ่ายถูกรุกราน หากยูเอ็นเอสซีและประเทศคนกลางการเจรจาจะทำให้มีการหยุดยิง อิหร่านก็พร้อมยอมรับ แต่หากไม่มีการหยุดยิง อิหร่านก็ต้องปกป้องประเทศตนเอง.-814.-สำนักข่าวไทย