สหรัฐ 9 มิ.ย. – นครลอสแอนเจลิสของสหรัฐ วุ่นวายจากการประท้วงใหญ่มาหลายวัน เนื่องจากมาตรการปราบปรามผู้อพยพ และยังเป็นกรณีการขัดกันระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่น
นครลอสแอนเจลิส ตกอยู่ในภาวะวุ่นวายมาหลายวัน จุดศูนย์กลางในเขตพาราเมาต์ ตอนใต้ของมหานครที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายอเมริกาใต้ ความตึงเครียดเข้าขั้นวิกฤติ เริ่มจากกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะเริ่มปฏิบัติภารกิจเนรเทศผู้อพยพ หลังจากในช่วงสัปดาห์จับกุมผู้คนไปกว่าร้อยคน เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของรัฐบาลกลาง ปะทะกับประชาชนด้วยแก๊สน้ำตาและกระบอง
แม้ว่าตำรวจแอลเอพีดีของนครลอสแอนเจลิส และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ยืนยันว่าควบคุมสถานการณ์ได้ โดยรัฐบาลกลางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ประกาศว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ เจ้าหน้าที่รัฐถูกทำร้าย และทางการท้องถิ่นเชื่องช้าในการรับมือ
นายทรัมป์ ยังประณามนักการเมืองพรรคเดโมแครต ฝ่ายตรงข้ามว่าไร้ความรับผิดชอบในแคลิฟอร์เนีย เพิกเฉยในการปกป้องพลเมืองของตนอย่างสิ้นเชิง เขาจึงได้สั่งการให้ส่งทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 2,000 นาย ไปในพื้นที่
ยิ่งไปกว่านั้น สำนักงานสอบสวนกลางยังเข้าไปเสริมกำลังจับกุมผู้ต้องหาหลายราย ฐาน “ขัดขวางการดำเนินงาน” ของเจ้าหน้าที่ รัฐมนตรีกลาโหมยังถึงขั้นประกาศขู่ระดมหน่วยนาวิกโยธิน ทหารระดับหัวกะทิจากค่ายทหารเข้าไปด้วย
สำหรับนายเควิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ตำหนิการแทรกแซงโดยไม่จำเป็นของรัฐบาลกลาง ก่อให้เกิดความขัดแย้งโดยเจตนา และยิ่งทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น เขาอธิบายว่าสาเหตุของการชุมนุมคือ มาตรการของรัฐบาลกลางในการกวาดล้างอย่างแข็งกร้าว ก่อความวุ่นวาย ทำลายความไว้วางใจ ทำลายครอบครัว และทำลายคนงานและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
กลุ่มพันธมิตรเพื่อสิทธิผู้อพยพระหว่างประเทศ ตำหนิรัฐบาลว่าโจมตีและข่มขู่ชุมชน คนงาน ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ในทางกฎหมาย นายทรัมป์มีอำนาจสั่งประจำการทหารของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิด้วยใน 3 สถานการณ์คือ การถูกรุกรานโดยต่างชาติ การกบฏต่อรัฐบาล หรือเมื่อประธานาธิบดีไม่สามารถรักษากฎหมายด้วยกองกำลังปกติ
นายทรัมป์ได้ยกเหตุผลว่ากรณีลอสแอนเจลิสเข้าข่ายกบฏต่ออำนาจรัฐบาลสหรัฐ แต่เมื่อเขาสั่งการข้ามหัวผู้ว่าการรัฐ จึงถือเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เพียงการเผชิญหน้าบนถนนระหว่างประชาชนกับผู้บังคับใช้กฎหมาย ในเวลาเดียวกันเป็นการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นของรัฐ
สถานการณ์เช่นนี้เป็นเห็นได้ชัดว่า นายทรัมป์เฝ้ารอเพื่อจะได้ทำตามสัญญาหาเสียง ปราบปรามกลุ่มคนที่เขาเรียกว่า ฝ่ายซ้ายสุดโต่ง เห็นได้จากการสั่งการส่งทหารอย่างฉับไวและเด็ดขาดด้วย เพื่อบรรลุเป้าหมายรักษากฎหมาย ความสงบเรียบ และการบังคับใช้กฎหมายแรงงาน อันเป็นนโยบายเรือธงของนายทรัมป์นั่นเอง
นักวิเคราะห์การเมืองอเมริกันต่างๆ ยังชี้นายทรัมป์หวังกระตุ้นความคิดของฐานเสียงของเขา และเพิ่มฐานเสียงด้วยคนที่กังวลเรื่องความปลอดภัย ในฐานะประธานาธิบดี นายทรัมป์ได้บ่มเพาะความวุ่นวายเสียเอง เป็นการก้าวก่ายที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมายาวนาน จนทำให้ปลุกปั่นสถานการณ์ให้เลวร้ายลงไปอีก
การประท้วงเป็นวิถีทางหนึ่งของสังคมอเมริกันที่พบเห็นเป็นประจำในช่วงฤดูร้อนกลางปีเช่นนี้ การประท้วงในรัฐแคลิฟอร์เนียเกิดขึ้นจากผลของนโยบายรัฐบาลทรัมป์ที่บริหารงานมา 5 เดือน อาจเป็นเหตุที่มาแล้วก็ไป หรืออาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการลุกฮือครั้งใหญ่ก็เป็นได้.-สำนักข่าวไทย