28 พ.ค. – อาเซียนพยายามแก้ปัญหาในเมียนมา โดยยึดแนวทางฉันทามติ 5 ข้อที่ออกมาไม่นาน หลังรัฐประหารเมื่อ 4 ปีก่อนแต่ไม่เกิดผล ล่าสุดภาคประชาสังคมรวบรวมข้อมูลธุรกิจและชี้ว่าอาเซียนจะไม่มีทางสำเร็จ หากไม่แก้ปมผลประโยชน์การทำธุรกิจในเมียนมา
การประชุมสุดยอดอาเซียนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง และครั้งนี้กรณีเมียนมา ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ ตั้งเป็นวาระสำคัญของการประชุมอีกครั้ง และยังเป็นอีกครั้งที่ผู้นำเมียนมาถูกห้ามเข้าร่วม ส่งปลัดกระทรวงต่างประเทศประชุมแทน ตามมติลงโทษของอาเซียน
มาเลเซีย ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ได้ให้ความสำคัญกับกรณีเมียนมา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นผู้หนึ่งที่เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงเพื่อสันติสุขในเมียนมามาอย่างยาวนาน เขายังเคยเรียกร้องให้ใช้ยาแรงกับเมียนมา เพื่อลงโทษที่ไม่ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

จนในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ นายอันวาร์ กล่าวกับบรรดาผู้นำแสดงความยินดีว่ามีความคืบหน้าของอาเซียนในการแก้ไขความขัดแย้งและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมในเมียนมา โดยจะมุ่งผลักดันการเจรจา
มาถึงจุดนี้อาเซียนยังต้องพิสูจน์บทบาทของตนในการแก้ไขปัญหาการนองเลือด และแสวงหาสันติสุขในประเทศสมาชิก หลังจากที่ล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้ง แต่จากมุมมองขององค์กรภาคประชาสังคม อาเซียนไม่มีทางแก้ปัญหาด้วยฉันทามติ แล้วเพิกเฉยกับเงื่อนปมผลประโยชน์ทางธุรกิจในเมียนมาได้เลย
องค์กร Justice For Myanmar จัดทำรายงานที่ชี้ว่าบริษัทและธุรกิจต่างๆ ในอาเซียน เป็นแหล่งเงินทุนของรัฐบาลทหาร ส่วนรัฐบาลของชาติอาเซียนต่างหลิ่วตาให้บริษัทเหล่านี้ทำธุรกิจต่อไป สร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหารและการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน

รายงานการสืบสวนระบุว่าบริษัทเอกชนจากสมาชิกอาเซียนเหล่านี้ทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารตั้งแต่ยึดอำนาจมา เรียกว่า “เครือข่ายบริษัทผู้สมคบคิด”
เครือข่ายนี้อยู่ในหลายวงการ ตั้งแต่น้ำมันและก๊าซ ที่มีบริษัท เมียนมาออย์แอนด์ก๊าซ หรือ MOGE ที่คณะรัฐประหารเข้าควบคุมตั้งแต่ยึดอำนาจ เป็นช่องทางนำรายได้จากอาเซียน หลายร้อยล้านดอลลาร์ผ่านโครงการพลังงานและการขุดเจาะเชื้อเพลิงอากาศยาน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำคัญไปแล้วสำหรับการโจมตีทางอากาศ ยุทธวิธีหลักของรัฐบาลในการรบกับฝ่ายต่อต้าน Justice for Myanmar ระบุว่าได้มาจากบริษัทเอกชนในสิงคโปร์ และเวียดนาม
ธุรกิจเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ก็เป็นแหล่งเงินทุนให้ทหาร มีทั้งจากการนำเข้า และการผลิต ผ่านช่องทางภาษีสินค้าพิเศษ ที่จัดเก็บจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินถุงเงินถังให้กับรัฐบาล
ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นขุมทรัพย์ของรัฐบาลทหาร รายงานของ Justice for Myanmar ระบุว่า บริษัทเอกชนจากอาเซียนเช่าที่ดินจากรัฐบาล เพื่อทำธุรกิจหลากหลายตั้งแต่ อาคารสำนักงาน ค้าปลีก โรงแรม อพาร์ตเมนต์ ไปจนถึงท่าเรือ ในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม รัฐบาลทหารก็ได้ประโยชน์จากบริการเทคโนโลยีสอดแนมของบริษัทจากเวียดนามและมาเลเซีย
ด้านการธนาคาร Justice for Myanmar รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลของผู้แทนสหประชาชาติว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีบัญชีของรัฐบาลทหาร และมีส่วนในการทำข้อตกลงอาวุธและเชื้อเพลิงมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมแรงกดดันของอาเซียนไม่ได้ผล กองทัพเมียนมาเพิกเฉยมาได้นานเช่นนี้ รายงาน Justice for Myanmar ชี้ว่าเครือข่ายนี้เองที่ทำกำไร ช่วยให้รัฐบาลทหารทำร้ายประชาชน และทำลายฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน
Justice for Myanmar สรุปว่าถึงเวลาแล้วที่อาเซียนเลิกขวนขวายเรื่องฉันทามติ 5 ข้อที่ไม่เกิดผล แล้วหันว่าตัดท่อน้ำเลี้ยงจากธุรกิจยักษ์ใหญ่ของตนเองที่ต่อสายตรงไปยังรัฐบาลทหารเมียนมา ยุติเครือข่ายธุรกิจสมคบคิด เพื่อรักษาชีวิตประชาชน.-สำนักข่าวไทย