ฮ่องกง 28 พ.ค. – การใช้จ่ายด้านอาวุธและการวิจัยด้านการทหารกำลังพุ่งสูงขึ้นในเอเชียบางประเทศ เนื่องจากประเทศเหล่านี้กำลังรับมือกับแนวโน้มด้านความมั่นคงที่มืดมิดลงเรื่อย ๆ ด้วยการขยายความร่วมมือทางอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับประเทศอื่น ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตนเอง
รายงานการประเมินความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่จัดทำโดยสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ที่แผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า ความช่วยเหลือทางด้านอุตสาหกรรมอาวุธจากต่างประเทศยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ว่าประเทศในภูมิภาคจะตั้งเป้าหมายที่จะพึ่งพาตนเองในท้ายที่สุดก็ตาม รายงานระบุด้วยว่า ความขัดแย้งล่าสุดในยูเครนและตะวันออกกลาง ประกอบกับการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน และการเสื่อมถอยของภูมิทัศน์ความมั่นคงในเอเชียแปซิฟิก อาจนำไปสู่กระแสความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
รายงานระบุว่า การใช้จ่ายด้านการจัดซื้ออาวุธและการวิจัยและพัฒนาด้านอาวุธเพิ่มขึ้น 2,700 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2022 ถึง 2024 โดยแตะระดับ 10,500 ล้านดอลลาร์ในกลุ่มประเทศสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทย และเวียดนาม การศึกษา ซึ่งเผยแพร่ก่อนการประชุมด้านกลาโหมและความมั่นคง “แชงกรี-ลา ไดอะล็อก” (Shangri-La Dialogue) ประจำปีที่สิงคโปร์ในสุดสัปดาห์นี้ ระบุว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงพึ่งพาการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ที่สำคัญส่วนใหญ่ อาวุธเหล่านี้มีตั้งแต่เรือดำน้ำและเครื่องบินรบ ไปจนถึงโดรน ขีปนาวุธ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงสำหรับการเฝ้าระวังและการรวบรวมข่าวกรอง.-813.-สำนักข่าวไทย