26 พ.ค. – ความขัดแย้งระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำให้เกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ
ปมปัญหาของฮาร์วาร์ด กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดเริ่มต้นจากความขัดแย้งทางการเมืองลามเป็นข้อกฎหมาย เพราะนายทรัมป์ต้องการควบคุมมหาวิทยาลัยซึ่งบ่มเพาะแนวคิดที่ขัดกับนโยบายของตนและฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทำให้ในเวลานี้นักศึกษาต่างชาติมากมายต้องอยู่ในสภาพเคว้งคว้าง
มันคือฝันที่เป็นจริงของนักเรียน นักศึกษาทุกคนที่จะได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คุณหลิน ยู่ฉวน นักศึกษาชาวไต้หวันคนนี้ ได้รับหนังสือตอบรับที่เธอเฝ้ารอ เพื่อเริ่มเข้าเรียนในเดือนกันยายนนี้ แต่ความฝันของเธอต้องค้างเติ่งอยู่ รู้สึกกังวลใจและไร้ที่พึ่ง เพราะปัญหาระหว่างสถาบันการศึกษาในฝันของเธอกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คุณหลิน ยู่ฉวน ยอมรับว่าอาจต้องหาที่เรียนใหม่ ซึ่งเป็นชะตากรรมที่ไม่คาดคิดของนักศึกษาต่างชาติประมาณ 6,800 คน คิดเป็นมากกว่า 27% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากจีนและอินเดีย

แล้วมันเกิดปัญหาอะไรขึ้นระหว่างนายทรัมป์กับฮาร์วาร์ด ตั้งแต่เดือนเมษายน รัฐบาลของนายทรัมป์ได้เริ่มตรวจสอบมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่ง โดยเฉพาะที่มีการประท้วงต่อต้านอิสราเอล ที่ทำสงครามในกาซาอย่างรุนแรง โดยกำหนดข้อเรียกร้องทางการจ้างงาน การรับนักศึกษา และแนวทางการเรียนการสอน เพื่อจัดการกับปัญหา “การต่อต้านชาวยิว” ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อให้ปฏิบัติตาม รัฐบาลแจ้งว่าจะยกเลิกสถานะของฮาร์วาร์ด ที่ได้รับการยกเว้นภาษี และจะอายัดเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ฮาร์วาร์ดต่อต้านคำสั่ง โดยประกาศว่าจะยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ เพราะทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างจัดการกับปัญหาการต่อต้านชาวยิว
จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลได้ยกระดับการเผชิญหน้าไปอีกขั้น โดยนางคริสตี โนม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ประกาศเพิกถอนใบอนุญาตสำหรับ “โครงการนักเรียนและนักเรียนแลกเปลี่ยนของฮาร์วาร์ด เนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย” อ้างว่า “ส่งเสริมความรุนแรง” และ “ต่อต้านชาวยิว” ยิ่งไปกว่านั้นยังกล่าวหาว่าประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน
วันรุ่งขึ้นรัฐบาลจีนตอบโต้ว่าเป็นการนำการศึกษาไปเป็นประเด็นการเมือง ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และสถานะในระดับนานาชาติของสหรัฐเอง และเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งห้ามโดยเร็วที่สุด
ส่วนฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียกการกระทำของรัฐบาลว่า “ผิดกฎหมาย” เน้นย้ำความมุ่งมั่นต้อนรับนักศึกษาและนักวิชาการนานาชาติ จากกว่า 140 ประเทศทั่วโลกที่จะช่วยเติมเต็มคุณค่าของมหาวิทยาลัยและสหรัฐอเมริกา อย่างประเมินค่าไม่ได้ จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาล หนึ่งวันถัดมาในวันศุกร์ แม้ว่าศาลจะออกคำสั่งระงับคำสั่งห้ามชั่วคราว แต่ยังไม่ใช่ข้อยุติที่ชัดเจน
วานนี้ นายทรัมป์ยังโจมตีต่อเนื่องว่าฮาร์วาร์ดใช้งบจากรัฐบาลไปกับนักเรียนต่างชาติ รวมถึงประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับสหรัฐ เขายังได้เรียกร้องให้ฮาร์วาร์ด ส่งมอบข้อมูลชื่อและรายละเอียดของนักศึกษาต่างชาติทั้งหมด ถ้าทำไม่ได้ก็เลิกขอเงินจากรัฐบาล
เมื่อมองจากท่าทีนายทรัมป์ เขาต้องการให้สถาบันทางวิชาการปฏิบัติตามแนวนโยบายที่เขาต้องการ เมื่อมองลึกลงไปในประวัติศาสตร์ ทำให้เข้าใจดีว่าสถาบันการศึกษาเป็นเป้าหมายของฝ่ายอนุรักษณ์นิยมในสหรัฐมานาน แล้วนักวิชาการเตือนว่ายิ่งผู้นำที่มีลักษณะอำนวจนิยม จะเห็นว่าสถาบันการศึกษาเป็นแหล่งบ่มเพาะปัญญาชนที่เป็นอุปสรรคในการปกครองได้
ดังนั้น นักศึกษาต่างชาติยังคงอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ไม่เว้นแม้แต่มกุฎราชกุมารีอลิซาเบธ องค์รัชทายาทของราชวงศ์เบลเยียม ทางสำนักพระราชวังเบลเยียม แจ้งว่าคำสั่งของรัฐบาลนายทรัมป์ทำให้การศึกษาที่ฮาร์วาร์ดของพระองค์ตกอยู่ในความไม่แน่นอน
นักศึกษาต่างชาติหลายคนเปรียบตัวเองว่ากำลังถูกใช้เป็นเบี้ย ในเกมการต่อสู้ระหว่างทำเนียบขาวกับฮาร์วาร์ด ทั้งที่พวกเขาเชื่อว่าอเมริกาเป็นดินแดนที่พวกเขาสามารถ เสรีภาพในการพูด เสรีภาพทางวิชาการ และชุมชนทางปัญญา.-สำนักข่าวไทย