16 พ.ค. – เมื่อวานนี้ ชาวอุรุกวัยจัดพิธีศพให้กับนายโจเซ มูฮิกา อดีตผู้นำที่ถูกขนานนามว่าเป็นประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก
ชาวอุรุกวัยต้องสูญเสียอดีตผู้นำขวัญใจของพวกเขาที่เคยจับอาวุธสู้กับรัฐบาลแล้วสร้างชื่อด้วยการปฏิรูปสังคม ต่อต้านบริโภคนิยม และใช้ชีวิตเรียบง่ายติดดิน จนได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก
ชาวอุรุกวัยร่วมใจกันอำลาอดีตผู้นำที่จากไปในวัย 89 ปี อาลัยกับผลงานและแรงบันดาลที่สร้างเอาไว้ นายโจเซ อัลแบร์โต มูฮิกา กอร์ดาโน หรือ “เปเป้” มูฮิกา ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอุรุกวัย ตั้งแต่ปี 2010-2015 กว่าจะมาปกครองประชากรประมาณ 3.5 ล้านคน เขาได้วางรากฐานชีวิตและแนวคิดการเมืองตั้งแต่เด็ก

นายมูฮิกา มาจากครอบครัวชนชั้นกลางในกรุงมอนเตวิเดโอ ในช่วงทศวรรษ 1960 กระแสปฏิวัติคิวบาและกระแสสังคมนิยมในอเมริกาใต้ ทำให้นายมูฮิกา ร่วมขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติตูปามาโรส ฝ่ายซ้ายต่อต้านรัฐบาล ถูกจับกุมหลายครั้ง และเกือบเสียชีวิตระหว่างถูกจับกุมในสมัยเผด็จการทหาร
จนในปี 1985 ได้รับอิสรภาพเมื่ออุรุกวัยกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง ไม่นานเขาก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภา ในปี 2005 เขาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในปี 2010 เขาได้เป็นประธานาธิบดีในวัย 74 ปี ซึ่งในเวลานั้นทั่วโลกยังไม่รู้จักชื่อของเขา แต่ได้ผลักดันให้เป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของฝ่ายซ้ายในละตินอเมริกา
แม้ชีวิตส่วนตัวจะรุ่งโรจน์ ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ แต่เขายังรักษาการใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่เข้าไปอยู่ในทำเนียบประธานาธิบดี แต่ใช้ชีวิตกกับภรรยา ซึ่งเป็นอดีตนักการเมืองและอดีตสมาชิกกองโจร ในบ้านสวนหลังเล็กๆ ชานกรุงมอนเตวิเดโอ ภายในบ้านไม่มีคนงานดูแลปรนนิบัติ และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
นอกจากนี้ มูฮิกายังมักแต่งกายง่ายๆ สบายๆ และใช้รถเก่าสีฟ้าอ่อน ที่กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง แล้วยังมักแบ่งเงินเดือนของเขาให้กับสำนักข่าวที่เริ่มขนานนามเขาว่าเป็น “ประธานาธิบดีที่จนที่สุด”
ส่วนการทำงานเขาได้ผ่านกฎหมายด้านสังคมมากมาย เช่น การทำแท้งถูกกฎหมาย และการรับรองการสมรสคนเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในประเทศคาทอลิก รวมถึงการหนุนในขายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำหน้ามากในเวลานั้น
นายมูฮิกา มีเรื่องให้ถูกวิจารณ์อยู่บ้าง เช่น ฟุ่มเฟือยด้านสวัสดิการจนขาดดุลงบประมาณ และล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ผิดสัญญาที่ให้ไว้ว่าเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีใครกล่าวหาเขาได้ทำเรื่องทุจริตหรือทำลายหลักการประชาธิปไตย ทุกวันนี้มรดกทางการเมืองและความคิดของเขายังคงจับต้องได้ หลังอำลาการเมืองในปี 2020 นายยามานดู ออร์ซี เป็นทายาททางการเมืองของเขา เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และพรรคเฟรนเต แอมพลิโอ ของเขาครองเสียงข้างมากในสภา
ชาวอุรุกวัยกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายให้กับนายมูฮิกา ที่ขณะมีชีวิตมักตอบปฏิเสธว่าเขาไม่ใช่ประธานาธิบดีที่จนที่สุด เพราะการใช้ชีวิตแบบสามัญเป็นเรื่องปกติธรรมดา หลายครั้งเขาย้อนกลับว่าที่จริงคนที่ยังจนอยู่นั้นคือคนที่ต้องการมุ่งใช้ชีวิตหรูหรา และต้องการอยากได้อยากมีไม่รู้จบ.-สำนักข่าวไทย