เมียนมา 14 พ.ค. – “9 ทันโลก” วันนี้ติดตามสถานการณ์สงครามกลางเมืองในเมียนมา ล่าสุดมีเด็กต้องเป็นเหยื่อการสู้รบอีกครั้ง
เกิดเหตุสลดในเมียนมา เมื่อนักเรียนที่กำลังทำข้อสอบกลับถูกเครื่องบินรบของรัฐบาลโจมตี เสียชีวิตกว่า 20 คน กรณีนี้ชี้ว่าการโจมตีทางอากาศเป็นยุทธวิธีหลัก แต่สะท้อนถึงสภาพการสู้แบบหลังชนฝาของกองทัพด้วย
โรงเรียนแห่งนี้ในเขตสะกาย เป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศของกองทัพเมียนมา ผู้เสียชีวิตเป็นนักเรียน 22 คน อายุน้อยที่สุดเพียง 8 ปี และบาดเจ็บอีก 50 คน สื่อของรัฐบาลรายงานว่ากองทัพปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการโจมตีใดๆ และเป็นสื่อของฝ่ายต่อต้านที่ปล่อยข่าว ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าโรงเรียนนี้เป็นเป้าเพราะดำเนินการโดยรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลเงาของฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย
เป้าหมายพลเรือนเช่นนี้ถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งเป็นการพลาดเป้า แต่หลายครั้งฝ่ายต่อต้านกล่าวหาว่าเป็นการจงใจเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม โดยรัฐบาลทหารใช้โจมตีทางอากาศเป็นกลยุทธ์สำคัญมากขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2564
จากในอดีตกองทัพต้องสู้รบกับเพียงกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ แต่เมื่อทำรัฐประหาร กองทัพมีศัตรูเพิ่มขึ้น เป็นกองกำลังป้องกันประชาชน หรือ PDF ของชนชาวเมียนมาเอง ซึ่งยังได้ร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ทำให้กองทัพต้องสูญเสียอย่างหนัก ถูกลอบโจมตี และถูกรุกไล่จากที่มั่นสำคัญ เนื่องจากความเพลี่ยงพล้ำของทหารภาคพื้นดิน
ตั้งแต่ปี 2565 หนึ่งปีหลังรัฐประหารที่รัฐบาลทหารได้เฮลิคอปเตอร์แบบ Mi-35 ที่ได้ฉายาว่า รถถังบิน เข้ามาประจำกองทัพ เห็นได้ชัดว่ากองทัพมุ่งเน้นการโจมตีทางอากาศ เสริมกับเครื่องบินรบของรัสเซียและจีน ที่ประจำการอยู่ประมาณ 70 ลำ
อดีตนายทหารที่แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้าน เปิดเผยผ่านสำนักข่าวอิระวดีว่า สาเหตุเพราะ PDF พัฒนาจากกลุ่มผู้ประท้วงที่มีเพียงปืนล่าสัตว์เป็นอาวุธ จนกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง ในช่วงแรกกองทัพอากาศจำกัดการโจมตีทางอากาศไว้เฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยต้องได้การอนุมัติหลายชั้นการบังคับบัญชา และต้องได้ไฟเขียวตรงจากพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เพียงคนเดียวเท่านั้น เขาเชื่อมั่นว่าเพียงแค่กำลังทหารภาคพื้นดินก็จะสามารถรับมือได้
หลายต่อหลายครั้งที่ฐานที่มั่นกองทัพร้องขอการโจมตีทางอากาศสนับสนุนแต่ไม่ได้รับอนุมัติ จนต้องถูกตีแตกพ่ายและยึดไป ผ่านมานานเข้าจึงกระจายอำนาจอนุมัติไปให้ผู้บัญชาการระดับภูมิภาค และผู้บัญชาการทหารราบ อดีตนายทหารผู้แปรพักตร์นี้เชื่อว่าส่วนหนี่งเพื่อให้พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย สามารถกล่าวโทษผู้ใต้บังคับบัญชาได้ เมื่อเกิดการโจมตีใส่เป้าหมายพลเรือน
ตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหว และแม้จะประกาศหยุดยิง ขยายเวลามาจนถึงสิ้นเดือนนี้ แต่รัฐบาลทหารยิ่งโจมตีทางอากาศถี่ขึ้น ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว หลังเกิดเหตุในเขตสะกาย ล่าสุดเด็กๆ ในโรงเรียนต่างๆ ต้องเร่งฝึกซ้อมการหนีภัย รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ รายงานว่าตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม และได้ประกาศหยุดยิงจนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม รัฐบาลทหารเปิดการโจมตีทางอากาศกว่า 370 ครั้ง เข้าใส่เป้าหมายพลเรือนใน 15 รัฐและภูมิภาค สังหารผู้คนไปมากกว่า 330 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 550 คน แล้วยังเกิดเหตุเพลี่ยงพล้ำล่าสุดที่ กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง และกองกำลังองค์การป้องกันชาติกะเหรี่ยง ได้โอบล้อมฐานตานเหล่ ในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ห่างพรมแดนไทยอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพียง 7 กิโลเมตร รัฐบาลได้นำเครื่องบินรบมาโจมตีสนับสนุนในการรบนานกว่าสัปดาห์ แต่แล้วก็ไม่สามารถต้านทานไว้ได้ ทหารเมียนมาแตกพ่ายหลบหนีออกจากฐานไป เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่ารัฐบาลทหารกำลังจนมุม แม้ว่าจะมีกองกำลังทางอากาศเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญก็ตาม.-สำนักข่าวไทย