กรุงเทพฯ 18 ต.ค. – สภากาชาดจาก 18 ประเทศในเอเชีย ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินงานบริการโลหิต เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือจัดหาโลหิตที่ปลอดภัยและเพียงพอ
สภากาชาดไทย ร่วมกับสภากาชาดญี่ปุ่น และองค์กรร่วมจัดงาน อาทิ สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ และสมาคมบริการโลหิตระหว่างประเทศ จัดการประชุมสภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดง ว่าด้วยงานบริการโลหิตภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 8 ในหัวข้อ การรักษาปริมาณโลหิตปลอดภัยให้เพียงพอ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (The 8th Red Cross and Red Crescent Symposium on Blood Programs in the Asian Region: Securing Stable Supply of Safe Blood in Remembrance of His Majesty King Bhumibol Adulyadej) ณ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ โดยมีนายเตช บุนนาค ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายบริหาร เป็นประธานเปิดงาน และมีประเทศผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 18 ประเทศ
นายเตช บุนนาค กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม เพื่อให้แต่ละประเทศได้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินงานบริการโลหิต รวมทั้งนำเสนอความก้าวหน้าในการพัฒนางานโลหิตของประเทศตน และเพื่อสร้างความร่วมมือในการจัดหาโลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพ และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสภากาชาดไทยและสภากาชาดญี่ปุ่น อีกทั้งยังน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเป็นองค์พระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทยมาโดยตลอด
นาย Tadateru Konoé ประธานสภากาชาดญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้คนสนใจบริจาคโลหิตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่การเก็บรักษาและถ่ายทอดโลหิตระหว่างคนมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น จากเชื้อที่มียุงเป็นพาหะ โดยเฉพาะไวรัสซิกา จึงนับเป็นความท้าทายที่ทั่วโลกจะต้องก้าวข้ามให้ได้
ด้านนาย Junping Yu นักวิชาการด้านความปลอดภัยโลหิตจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พูดถึงงานบริการโลหิตในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาว่า แม้หลายประเทศ มีจำนวนผู้บริจาคโลหิตมากขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ ที่น่าเป็นห่วงหลายประเด็น เช่น โรคติดต่อทางกระแสโลหิต ยังคงแพร่ระบาด, กระบวนการตรวจคุณภาพโลหิตยังไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจมีงบประมาณไม่พอ เสี่ยงต่อการได้โลหิตที่ไม่ปลอดภัย จึงเสนอแนะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการปรับปรุง พร้อมทั้งเชิญชวนให้คนมาบริจาคโลหิตกันมากขึ้น.- สำนักข่าวไทย