อินเดีย 25 เม.ย. – หุบเขาแคชเมียร์ ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์บนดินที่นักท่องเที่ยวต่างหลงใหล และอยากไปสัมผัสให้ได้สักครั้ง เพราะภูมิทัศน์มีความสวยงาม ฟ้าใส น้ำสะอาด และอากาศเย็นเหมือนเมืองหนาว ที่นี่จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งชาวต่างชาติ และคนอินเดีย เพราะไม่ต้องเดินทางไกล แต่ก็ได้สัมผัสความสวยงามเหมือนไปสวิตเซอร์แลนด์
หุบเขาแคชเมียร์ หรือ Vale of Kashmir อยู่ในแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ ในส่วนการปกครองทางเหนือสุดของอินเดีย ในอดีตจัมมู-แคชเมียร์ ซึ่งอินเดียและปากีสถานแบ่งการปกครองกันคนละครึ่ง เคยเต็มไปด้วยกลุ่มก่อการร้าย ที่มักข้ามฝั่งมาจากปากีสถานก่อความไม่สงบ แต่รัฐบาลท้องถิ่นและสภาหมู่บ้าน รวมทั้งชาวบ้าน ต่างพยายามหาทางป้องกันเหตุร้ายกันด้วยมาตรการพิเศษหลายอย่าง เช่น รัฐบาลแคว้นจัมมู-แคชเมียร์ มีเงินโบนัสให้เป็นรางวัลแก่หมู่บ้านใดก็ตาม ที่ช่วยกันสอดส่องป้องกันอันตรายจากคนแปลกหน้า นอกจากนี้ยังกำหนดเป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ทุกห้องพักในโรงแรมต้องมีปุ่มฉุกเฉินให้ผู้เข้าพักสามารถกดแจ้งเหตุฉุกเฉิน, ติดตั้งระบบ GPS ให้รถบริการท่องเที่ยวทุกคันเพื่อติดตามความปลอดภัย, จัดกำลังอาสาสมัครลาดตระเวนสอดส่องรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็มีหน่วยเคลื่อนที่เร็วประจำการตลอดเวลาที่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุร้ายได้ภายใน 15 นาที
ความพยายามและมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัฐบาลท้องถิ่นและชาวบ้านในจัมมู-แคชเมียร์ร่วมกันดำเนินการ ส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัด จากสถิติในปี 2559 พบว่า นักท่องเที่ยวกล้าเข้ามาเที่ยวมากขึ้น เงินสะพัดมากขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ ที่อาจต้องสูญรายได้เพราะเหตุก่อการร้าย ลงได้มากราว ๆ 20-30%
มีรายงานว่าเฉพาะในปี 2566 สถิตินักท่องเที่ยวที่เข้าไปในดินแดนสวรรค์แห่งนี้ มีมากถึง 21 ล้านคน ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร กลับมาบูมคึกคัก โดยเฉพาะหลังช่วงโรคระบาด COVID-19 ผ่านพ้น และรัฐบาลอินเดียและปากีสถาน ต่างก็พลิกฟื้นความสัมพันธ์ และร่วมกันปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย จนในที่สุดหลังปี 2562 จัมมู-แคชเมียร์สามารถประกาศตัวได้ว่า เป็นสุดยอดแห่งแหล่งท่องเที่ยวพรีเมียม เหมาะสำหรับคู่ฮันนีมูน และนักท่องเที่ยวรายได้สู โดย 1 ในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยม คือ พาฮัลกัม เมืองชายเขา
แบรนดิ้งใหม่ของจัมมู-แคชเมียร์ ช่วยโกยรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี ที่เห็นเด่นชัดก็คือ ปี 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 7.84% จากนั้นในปี 2565 รายได้ก็พุ่งขึ้นเป็น 8.47% ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะคนในพื้นที่มีศรัทธา ความหวัง และสันติภาพ
แต่แล้ว ความหวังที่กำลังเรืองรองของชาวจัมมู-แคชเมียร์ ก็กลับพังทลายลงในวันที่ 22 เมษายน 2568 เมื่อกลุ่มมือปืน Resistance Front (TRF) ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับลัชการ์-อี-ไทบา ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงในปากีสถาน ก่อเหตุกราดยิงผู้คนไม่เลือกหน้า ในพาฮัลกัม ทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน นับได้ว่าเป็นเหตุก่อการร้ายนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ ปี 2562 ซึ่งคราวนั้นกลุ่มติดอาวุธจากปากีสถาน เข้ามาก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิต มากถึง 40 คน
เหตุก่อการร้ายครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญถึงความอดทนอดกลั้น และศรัทธาของประชาชน รวมถึงศักยภาพของรัฐบาลอินเดียที่จะปกป้องดินแดนแคชเมียร์ในฝั่งของตนให้กลับมามีเสถียรภาพ เติบโต รุ่งเรืองอย่างภาคภูมิได้หรือไม่.-810.-สำนักข่าวไทย
ข้อมูลอ้างอิง :
1. The Economic Times : Kashmir valley was blooming with business. Now it’s stained with blood, again
2. The Geopolitics : Paradise Under Fire: Securing Kashmir’s Tourism Economy Is a National Imperative