เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผยจีนไม่ประสงค์จะทำสงครามภาษี

China Ambassador to Thailandแฟ้มภาพ

กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – นายหาน จื้อเฉียง  เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย เผยทัศนะต่อประเด็นสงครามภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่า การแบ่งงานกันทำ และการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก


จากกรณีที่การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ เป็นที่จับตามองของทั่วโลก และมีผู้สอบถามอย่างกว้างขวางว่าจีนมองประเด็นนี้อย่างไร และจะรับมือต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างไรนั้น นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย ได้เผยแพร่บทความมีใจความว่า การค้าระหว่างประเทศตั้งอยู่บนพื้นฐานของทรัพยากรและข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การค้าขายโดยสมัครใจและเพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น บริษัทอเมริกันเลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตฮาร์ดดิสก์ เพื่อนำกลับไปขายในสหรัฐฯ ก็เป็นเพราะไทยมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า แต่หากจะมองว่าไทยเกินดุลการค้าสหรัฐด้วยการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม สมควรที่สหรัฐต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่ม ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะในทางกลับกันสหรัฐฯ เองก็ได้ดุลในภาคการค้าบริการกับคู่ค้าทั่วโลกอย่างมหาศาล ดังจะเห็นได้จากสถิติใน พ.ศ. 2567 ซึ่งสหรัฐ มียอดเกินดุลการค้าและบริการกับคู่ค้านานาประเทศ มากถึง 295,200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 9.8 ล้านล้านบาท  ดังนั้น การขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ จึงไม่สอดคล้องกับหลักการทางเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังระบุว่า การแบ่งงานกันทำและการค้าเสรีระหว่างประเทศต่าง ๆ คือรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และสหรัฐฯ ก็เป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบการค้าโลกเช่นกัน ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้บริโภคสินค้าคุณภาพดีจากทั่วโลก ในราคาที่คุ้มค่า ขณะเดียวกันก็ครองความได้เปรียบในภาคการเงิน เทคโนโลยี และด้านอื่น ๆ ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ดร.เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) เคยเขียนบทความระบุอย่างชัดเจนว่า “สหรัฐฯ คือผู้ชนะรายใหญ่ที่สุดในเวทีการค้าโลก”


เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย มองว่า การเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ไม่ใช่ความยุติธรรม แต่เป็นการใช้อำนาจบีบบังคับ การจุดชนวนสงครามภาษีของสหรัฐ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานสั่นคลอนไปทั่วโลก และจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเสี่ยงต่อการถดถอยอย่างหนัก ดังจะเห็นได้จากการประสานเสียงของนานาประเทศที่ต่างแสดงความวิตกกังวล และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐ 

ส่วนกรณีที่สาธารณชนตั้งคำถามว่า จีนจะรับมืออย่างไรนั้น เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผยว่า จีนไม่ประสงค์จะทำสงครามภาษี เพราะแก่นแท้ของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ คือ การได้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคู่ค้าสำคัญต่อกัน ทั้งด้านการค้าสินค้าและการค้าบริการ ตลอดจนการลงทุนระหว่างกัน ดังนั้น การรักษาความมั่นคงและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศ จึงไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อทั้งจีนและสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นคุณต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย เพราะฉะนั้น ความสำเร็จของจีนและสหรัฐฯ ต่างเป็นโอกาสสำหรับอีกฝ่าย มิใช่ภัยคุกคามของกันและกัน ในทางตรงข้าม หากเกิดการปะทะกันก็ย่อมเสียหายด้วยกันทั้งคู่ และลัทธิคุ้มครองก็ไม่ใช่ทางออก อย่างไรก็ตาม หากเกิดการบังคับเรียกเก็บภาษีอย่างไม่มีเหตุผล จีนก็จำเป็นต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของจีน และเพื่อปกป้องระเบียบการค้าเสรีของโลก รวมถึงความยุติธรรมและความเป็นธรรมของมนุษยชาติ

ในการแสดงความเห็นของเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ยังได้ระบุถึงผลการวิจัยของสถาบัน Peterson Institute for International Economics (PIIE) ซึ่งระบุว่า ท้ายที่สุด ต้นทุนด้านภาษีกว่า 90% จะตกที่ผู้นำเข้า ธุรกิจปลายน้ำ และผู้บริโภคในสหรัฐฯ ดังจะได้เห็นจากความผันผวนของตลาดหุ้นและพันธบัตรสหรัฐฯ นายหาน จื้อเฉียงเชื่อว่า การที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีในทางที่ไม่เหมาะสม ไม่เพียงแต่จะถูกต่อต้านจากนานาประเทศ ยังจะถูกคัดค้านโดยประชาชนชาวอเมริกันด้วย ประเทศจีนมีสำนวนโบราณที่กล่าวไว้ว่า “ยกก้อนหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเอง”


ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-ไทย นับจากนี้ไป เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมีความเห็นว่า จีนและไทยควรร่วมมือกัน ยึดมั่นในหลักการค้าเสรีและการเปิดกว้าง ยึดมั่นในการดำเนินความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ส่งเสริมการค้าระหว่างกันและการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุตสาหกรรม ในขณะเดียวกัน เรายังควรปกป้องระเบียบการค้าโลก ร่วมมือใช้กลไกความร่วมมือจีน-อาเซียน องค์การการค้าโลกและเวทีอื่น ๆ  เรียกร้องให้ทุกประเทศยึดมั่นในหลักการที่ไม่กีดกัน เปิดกว้าง และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เพื่อร่วมกันปกป้องและสร้างสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่มีความร่วมมืออย่างเปิดกว้าง

จีน ซึ่งมีประชากร 1,400 ล้านคน และมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่เกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมนำเข้าผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจากประเทศไทยมากขึ้น และพร้อมจะสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่น องค์กรภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศ มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น อีกทั้งจะสนับสนุนให้บริษัทจีนในประเทศไทยใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุตสาหกรรมในท้องถิ่นของไทยให้เต็มที่ โดยร่วมมือกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยในการพัฒนา เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย รวมถึงส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียวของไทย จีนพร้อมจับมือกับไทยเพื่อสร้างต้นแบบแห่งความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่เอื้อประโยชน์ร่วมกัน เพิ่มความมั่นคงภายใต้สถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน และเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่การเติบโตของเศรษฐกิจโลก.-811.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับ มือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ

ตรัง 12 พ.ค.- ตร.ตรัง เร่งขอศาลออกหมายจับมือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ ขณะที่ญาตินิมนต์พระทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง ลงพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ 170 ไร่ จุดเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายยิงและเผานั่งยางผู้จัดการสวน เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องรวม 3 ศพ และจุดพบศพปริศนาถูกเผาและฝังดินอีก 1 ศพ ในพื้นใกล้กัน รวมทั้งหมดเป็น 4 ศพ โดยเป็นการลงพื้นที่ซ้ำ เพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะบริเวณขนำจุดยิงผู้ตายทั้ง 3 ราย ก่อนนำไปจุดไฟเผา โดยตำรวจพบหัวกระสุนปืนขนาด 11 มม.เพิ่มเติมอีก 1 หัว แต่ทั้งนี้ พบอุปสรรคสำคัญในการทำงานเก็บพยานหลักฐาน เนื่องจากในพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานบางอย่างถูกทำลาย ซึ่งขณะนี้ทำให้ทราบว่าขณะเกิดเหตุมีการใช้อาวุธปืนหลายขนาด เพราะพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงกระจายกำลังกันลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าวในพื้นที่ อ.สิเกา อ.วังวิเศษ จ.ตรัง และต.ทรายขาว […]

ออกหมายจับ สจ.คนดังพร้อมพวก รุมทำร้าย ตร.คาหน่วยเลือกตั้ง

สงขลา 12 พ.ค.- ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ สจ.คนดัง พร้อมพวกรวม 7 คน หลังก่อเหตุรุมทำร้าย ‘ด.ต.’ คาหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา ขณะที่ ผบ.ตร.สั่งเอาผิด พวกทำตัวเหนือกฎหมาย จากกรณีสมาชิกสภา อบจ.สงขลา บุตรชาย สส.สงขลา ก่อเหตุสั่งให้ลูกน้อง 6 คน รุมทำร้ายร่างกาย ด.ต.นิสาธิต สังกัด ตชด.43 ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยหน่วยเลือกตั้ง บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ 2 ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลาหลัง ส.อบจ.คนดังกล่าว เข้ามาใช้สิทธิที่หน่วย และให้ลูกน้องถ่ายรูป ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง ด.ต.นิสาธิต จึงได้เข้าไปตักเตือน สร้างความไม่พอใจ ก่อนขับรถออกจากหน่วยเลือกตั้ง จากนั้นมีกลุ่มชายชกรรจ์ 5-7 คน เข้ามาที่หน่วยเลือกตั้ง และรุมทำร้าย ด.ต.นิสาธิต บาดเจ็บ ต่อหน้าต่อตาชาวบ้านที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง อ้างว่าลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ล่าสุด ศาลจังหวัดสงขลาอนุมัติหมายจับผู้ก่อเหตุทั้งหมด 7 […]

เพลิงไหม้มาราธอน โหมโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ยังคุมไม่ได้

12 พ.ค.- ยังไม่ดับ! ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ย่านลาดกระบัง ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ยังไม่สามารถลงไปได้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รุดลงพื้นที่ สั่งอพยพชาวบ้านใกล้เคียง เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ยืนยันสถานการณ์จะคลี่คลายภายในวันนี้ เพลิงไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์ ซอยฉลองกรุง 55 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ลุกโหมมาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ ตลอดทั้งคืน ยังมีไฟปะทุออกจากชั้นใต้ดินของโครงสร้างอาคาร     ล่าสุดเช้าวันนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทีมวิศวกรผู้ เชี่ยวชาญด้านอาคารโรงงานอุตสาหกรรม ตำรวจ และทีมกู้ภัย เร่งเข้าตรวจสอบความเสียหายรอบพื้นที่โรงงาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เผยว่า มอบหมายให้ ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา(ดร.จอร์น) ประธานสภากรุงเทพมหานคร และนายธราพงษ์ เพ็ชรคง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตลาดกระบัง ลงพื้นที่ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุยังจุดเกิดเหตุ ส่วนแนวทางปฏิบัติการ เตรียมใช้โฟมประกอบน้ำ ฉีดเข้าจุดที่ยังคงมีเพลิงปะทุคาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในวงจำกัดได้ภายในช่วงเที่ยงวันนี้   ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระบุว่า ต้นเพลิงอยู่ที่ชั้นใต้ดิน แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากมีกลุ่มควันและความร้อนสูง จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ หน้ากากออกซิเจน […]

กทม.ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง.

กรุงเทพฯ 12 พ.ค. – กทม. ประกาศยุติการค้นหาผู้สูญหายใต้ซากตึก สตง. ด้านรองผู้ว่าฯ กทม. สั่งลดระดับกองปูนซากตึกข้างศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จาก 9 เมตร เหลือ 6 เมตร ป้องกันอันตรายและง่ายต่อการค้นหาหากมีชิ้นส่วนที่เหลือติดค้างอยู่ เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา (12 พ.ค. 68) ที่กองอำนวยกาารร่วม สน.บางซื่อ ห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ ถ.กำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประกาศยุติค้นหาผู้สูญหายจากเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม รศ.ทวิดา เปิดเผยว่า วันนี้การค้นหาผู้ติดค้างภายในซากอาคารดังกล่าวยุติทั้งหมดแล้ว และเวลา 17.00 น. วันนี้ ทีมสุนัข K9 จะเข้าสำรวจความชัดเจนบริเวณกองซากวัสดุอาคาร สตง. หลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อให้เเน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว ส่วนด้านเครื่องจักรในพื้นที่จะยังคงทำงานอยู่ เนื่องจากจะมีการขนซากเศษปูนที่อยู่ตรงโซน A ทั้งหมด ย้ายออกไปหลังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดยในเวลา […]