วอชิงตัน 5 เม.ย.- สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของสหรัฐผ่านความเห็นชอบร่างงบประมาณของพรรครีพับลิกันที่ต้องการต่ออายุมาตรการลดภาษีให้แก่คนในประเทศที่บังคับใช้เมื่อครั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก และขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง
มาตรการลดภาษีบุคคลที่ทรัมป์บังคับใช้ในปี 2560 ขณะดำรงตำแหน่งสมัยแรกจะหมดอายุในสิ้นปีนี้ นางลินซีย์ เกรแฮม ประธานคณะกรรมการงบประมาณในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า หากไม่ต่ออายุมาตรการนี้ ชาวอเมริกันทั่วไปจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ครัวเรือนสมาชิก 4 คนที่มีรายได้ 80,160 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.77 ล้านบาท) ซึ่งเป็นรายได้มัธยฐานในสหรัฐจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 1,695 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 58,530 บาท)
ขณะที่นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตกล่าวว่า ร่างดังกล่าวเป็นยาพิษ เพราะเป็นการต่ออายุการลดภาษีให้คนรวย ส่วนมาตรการลดภาษีนิติบุคคลที่บังคับใช้พร้อมกัน ยังไม่หมดอายุในสิ้นปีนี้
สว.ทั้ง 2 พรรคได้อภิปรายร่างงบประมาณนี้ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีเข้าสู่เช้าวันศุกร์ตามเขตเวลาตะวันออก สว.พรรคเดโมแครตเสนอแก้ไขเนื้อหาในหลายเรื่อง ตั้งแต่การคุ้มครองสวัสดิการสังคมของผู้เกษียณอายุไปจนถึงการคุ้มครองทหารผ่านศึก เนื่องจากเนื้อหาร่างระบุว่า จะชดเชยรายได้ที่เสียไปจากการต่ออายุการลดภาษีบุคคลด้วยการลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลแทน ซึ่งอาจกระทบต่อสวัสดิการประชาชน อย่างไรก็ดี สว.พรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ขัดขวางการแก้ไขดังกล่าว
ร่างงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐยังต้องการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางอีก 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 172 ล้านล้านบาท) โดยที่รัฐสภาจะต้องผ่านความเห็นชอบร่างงบประมาณภายในฤดูร้อนนี้ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 36.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,264 ล้านล้านบาท)
นักวิเคราะห์ที่ไม่ฝักใฝ่พรรครีพับลิกันหรือเดโมแครตเตือนว่า หากมีการบังคับใช้ตามร่างงบประมาณดังกล่าว รัฐบาลกลางสหรัฐจะมีหนี้สินเพิ่มขึ้นราว 5.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 197 ล้านล้านบาท) ในช่วงทศวรรษหน้า.-814.-สำนักข่าวไทย