แวนซ์พูดเรื่องจะไปกรีนแลนด์ เครดิตภาพ : @JDVance via X นุก 28 มี.ค.- หลังจากผู้นำสหรัฐย้ำหลายครั้งว่า ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งจนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนัก วันนี้นายเจ ดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐจะเดินทางไปกรีนแลนด์ แม้ว่าจะถูกต่อต้านเพราะมองว่าเป็นการกดดัน
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามอง เพราะเป็นการเยือนกรีนแลนด์ของบุคคลสำคัญจากสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวย้ำหลายครั้งว่า สหรัฐจำเป็นต้องเข้าครอบครองกรีนแลนด์เพื่อความมั่นคงทั้งระดับชาติและระดับสากล แม้ว่ารัฐบาลท้องถิ่นของกรีนแลนด์ และรัฐบาลเดนมาร์กซี่งปกครองกรีนแลนด์ ยืนยันว่าไม่ยินยอมให้สหรัฐซื้อหรือเข้ายึดครองแน่นอน
เดิมนำคณะของสหรัฐมีเพียงนางอูชา แวนซ์ ภริยาของนายแวนซ์ และนายไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เป็นการเยือนเพื่อร่วมกิจกรรมด้านวัฒนธรรม แต่ต่อมานายแวนซ์ประกาศจะร่วมกับภรรยาเพื่อไปฐานทัพสหรัฐที่เมืองพิทัฟฟิค ทางตอนเหนือของกรีนแลนด์ซึ่งสร้างมาเก่าแก่สมัยสงครามโลก และใช้เพื่อเป็นสถานีเรดาร์ ส่วนนายวอลซ์ ได้ยกเลิกการเยือนไปเพราะถูกต่อต้านอย่างหนักจากนักการเมืองและประชาชนชาวกรีนแลนด์ ที่มองว่ามีเจตนากดดันเรื่องการให้เข้าอยู่ใต้อาณัติของสหรัฐ และไม่มีมารยาททางการเมืองเพราะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลแต่ไม่มีคำเชิญจากทางการกรีนแลนด์ ด้านผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ศิลปะนุกปฏิเสธการเชิญนางแวนซ์ไปเยี่ยมชมตามที่สถานกงสุลสหรัฐขอมา โดยออกตัวว่า ไม่ใช่การรวมหัวกันปฏิเสธ แต่ทำตามที่ได้พิจารณาถี่ถ้วน
ขณะเดียวกันพรรคเดโมแครตที่ชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมาเตรียมประกาศตั้งรัฐบาลผสม 4 พรรคในวันนี้ นายเยน เฟรเดรริก นีลเซ่น ที่จะเป็นผู้นำรัฐบาลขอให้ทุกพรรคทิ้งความเห็นต่าง แล้วร่วมใจกันแสดงพลังรับมือกับผู้นำสหรัฐที่ต้องผนวกกรีนแลนด์ไว้เป็นส่วนหนึ่ง
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียแสดงความเห็นในเรื่องนี้ขณะกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีอภิปรายเกี่ยวกับอาร์ติกหรือขั้วโลกเหนือ ที่เมืองมูร์มันสค์ของรัสเซียว่า แผนการของสหรัฐเป็นเรื่องจริงจัง เป็นแผนการที่มีรากทางประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1860 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัสเซีย แต่สหรัฐได้แสดงเห็นชัดเจนแล้วว่า จะเดินหน้าส่งเสริมเรื่องผลประโยชน์ของสหรัฐในขั้วโลกเหนือทั้งด้านยุทธศาสตร์ทางภูมิศาสตร์ การเมืองการทหาร และเศรษฐกิจ รอยเตอร์ระบุว่า ขั้วโลกเหนือมีแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลและแร่อยู่ใต้พื้นดินและท้องทะเลที่อาจเข้าถึงได้มากขึ้นจากภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีการแข่งขันทางการทหาร.-814.-สำนักข่าวไทย
