เฉิงตู 10 มี.ค. — หลิน เสียง มัคคุเทศก์ชาวไทยของบริษัทนำเที่ยวท้องถิ่นเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แสดงความเห็นจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า ปีนี้ (ปี 2025) น่าจะเป็นปีที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองเฉิงตูมากที่สุดตลอด 20 ปีที่ทำงานมา ซึ่งน่าจะเป็นอานิสงค์จากโครงการฟรีวีซา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลิน เสียง เผยว่าหลายปีที่ผ่านมา ช่วงต้นเดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์มักจะเป็นช่วงพักผ่อนจากการทำงานมัคคุเทศก์ แต่ตารางงานเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของปีนี้อัดแน่นจนเกือบเต็มแล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยอยากมาท่องเที่ยวเมืองเฉิงตูอย่างไม่หยุดหย่อน
(ภาพจากผู้ให้สัมภาษณ์: นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวเมืองเฉิงตู มณฑลซื่อชวนทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน)
ปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างเมืองเฉิงตูกับไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากจีนและไทยบังคับใช้ข้อตกลงยกเว้นวีซ่าแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไปร่วมกันตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2024 หรือราวหนึ่งปีก่อน
สถิติจากสถานีตรวจสอบการผ่านแดนเมืองเฉิงตูระบุว่าช่วงวันที่ 1 มีนาคม 2024-1 มีนาคม 2025 ปริมาณผู้โดยสารเดินทางจากเมืองเฉิงตูสู่ไทยอยู่ที่ 5.11 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.14 เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะเดียวกันปริมาณผู้โดยสารชาวต่างชาติเดินทางจากไทยสู่เมืองเฉิงตูอยู่ที่ 1.39 แสนคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 223.63 เมื่อเทียบปีต่อปี
จิ่ง จื้อหง ผู้จัดการบริษัทนำเที่ยวท้องถิ่นอีกแห่งหนึ่ง กล่าวว่าบริษัทของเขามีแนวโน้มรับรองนักท่องเที่ยวแบบหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ชาวไทยในเดือนมีนาคมกว่า 100 คณะ โดย “3 สิ่งห้ามพลาด” ในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ได้แก่ ถ่ายรูปเซลฟีกับรูปปั้นแพนด้ายักษ์ที่ตูเจียงเยี่ยน เช็กอินร้านหนังสือจงซูเก๋อ และชมวิวตึกแฝดเฉิงตูตอนกลางคืน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ชวี่หน่าดอทคอม (Qunar.com) ของจีนระบุว่าเฉิงตูเป็นหนึ่งในสามเมืองของจีนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงไทย โดยระบบชำระเงินและการบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยผู้มาเยือนเมืองเฉิงตู
ปัจจุบันเมืองเฉิงตูมีร้านค้าที่เข้าร่วมคืนโครงการภาษีมูลค่าเพิ่มแก่นักท่องเที่ยว 429 แห่ง ซึ่งเป็นร้านค้าที่ “ซื้อสินค้าและคืนภาษีฯ ทันที” ราว 49 แห่ง ขณะเดียวกันมีผู้ค้าที่รับชำระเงินด้วยบัตรต่างประเทศราว 63,000 ราย.-813.-สำนักข่าวไทย
