ซานฟรานซิสโก 20 ก.พ.- ศาลอุทธรณ์สหรัฐพิพากษายืนตามคำสั่งของผู้พิพากษาเมืองซีแอตเทิล ที่ขัดขวางคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องไม่ให้สัญชาติโดยอัตโนมัติกับเด็กที่เกิดในสหรัฐ
รัฐบาลทรัมป์ขอให้ศาลอุทธรณ์เขต 9 ในนครซานฟรานซิสโกมีคำสั่งฉุกเฉิน ระงับคำสั่งของผู้พิพากษาศาลแขวงจอห์น คอฟเฟเนอร์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษารัฐบาลกลางในเมืองซีแอตเทิล แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับคำร้อง
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในวันแรกที่รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 สั่งการหน่วยงานรัฐบาลไม่ให้การรับรองสัญชาติอเมริกันแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐหลังวันที่ 19 กุมภาพันธ์ หากทั้งบิดาและมารดาไม่มีสัญชาติอเมริกันหรือเป็นผู้พำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย ต่อมาผู้พิพากษาคอฟเฟเนอร์มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ว่า คำสั่งนี้เป็นนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทำให้กระทรวงยุติธรรมขอให้ศาลอุทธรณ์เขต 9 สั่งพักการบังคับใช้คำวินิจฉัยดังกล่าวภายในวันนี้โดยอ้างว่า การให้คำวินิจฉัยมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศตามคำร้องขอของอัยการสูงสุดของรัฐเพียง 4 รัฐถือเป็นเรื่องที่มากเกินไป
หลายฝ่ายยื่นฟ้องคำสั่งฝ่ายบริหารของนายทรัมป์ว่า ละเมิดบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 14 ที่รับรองสัญชาติอเมริกันให้แก่ทุกคนที่เกิดในสหรัฐ และว่าศาลฎีกาสหรัฐมีคำพิพากษาชัดเจนในคดีปี พ.ศ.2441 ว่า มาตราดังกล่าวรับรองสัญชาติโดยอัตโนมัติให้แก่เด็กที่เกิดในสหรัฐ ไม่ว่าบิดามารดาจะมีสถานภาพเข้าเมืองแบบใด อัยการของรัฐที่ยื่นฟ้องระบุว่า หากคำสั่งของนายทรัมป์มีผลบังคับใช้จะทำให้เด็กที่เกิดในสหรัฐมากกว่า 150,000 คนต่อปีไม่ได้รับสัญชาติอเมริกัน.-814.-สำนักข่าวไทย