วอชิงตัน 4 ม.ค. – ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ชัดขวางบริษัท นิปปอน สตีล จากญี่ปุ่น ที่ยื่นข้อเสนอมูลค่า 14,900 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัท ยูเอส สตีล ของสหรัฐ แล้วเมื่อวานนี้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องความกังวลในเรื่องความมั่นคงแห่งขาติ หลังจากที่มีการทบทวนเกี่ยวกับการควบกิจการครั้งนี้มานานนับปี
นายไบเดน กล่าววานนี้ว่า การที่ประเทศเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตเหล็กที่แข็งแกร่งและดำเนินอุตสาหกรรมเหล็กด้วยตัวเอง มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งขาติเป็นอันดับต้น ๆ และมีความจำเป็นต่อห่วงโซ่อุปทาน หากไม่มีการผลิตเหล็กภายในประเทศด้วยตนเอง และคนงานเหล็กภายในประเทสแล้ว ประเทศชาติก็มีความแข็งแกร่งลดลงและความมั่นคงลดลงไปด้วย
แผนการควบรวมกิจการดังกล่าวประกาศออกมาในเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งถูกคัดค้านในทันทีจากกลุ่มการเมืองก่อนหน้าที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี ที่ตอนนั้นเป็นผู้สมัครขิงตำแหน่งจากพรรครีพับลิกันและนายไบเดน จากพรรคเดโมแครต ต่างประกาศจะขัดขวางแผนการควบควมกิจการดังกล่าว สำหรับยูเอส สตีล เคยเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของสหรัฐแต่ขณะนี้ตกมาอยู่ในอันดับที่ 3 และเป็นผู้ผลิตเหล็กใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก
นิปปอน สตีล เป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อตกลงในการซื้อกิจการและได้ยอมผ่อนปรนในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงล่าสุดยอมให้รัฐบาลสหรัฐมีอำนาจยับยั้ง หากมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณการผลิต แต่เป็นความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในแถลงการณ์ ทั้งนิปปอน สตีลและยูเอส สตีล ต่างโจมตีการตัดสินใจดังกล่าวของนายไบเดน โดยกล่าวว่า เป็นการละเมิดกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่และเป็นการกระทำที่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง พร้อมกับระบุว่า จะดำเนินการทุกอย่างที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิทางกฎหมายของทั้ง 2 บริษัท ยูเอส สตีล กล่าวเตือนว่า หากไม่มีการควบรวมกิจการ มีความเสี่ยงที่คนงานจะต้องตกงานหลายพันตำแหน่ง
ในขณะที่ทางสหภาพแรงงานคนงานในโรงงานผลิตเหล็ก ซึ่งคัดค้านการรวมกิจการ ชื่นชมการตัดสินใจของนายไบเดน โดยประธานสหภาพแรงงานกล่าวว่า ทางสหภาพแรงงานเห็นว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพื่อสมาชิกของสหภาพและความมั่นคงของชาติ ส่วนโฆษกทำเนียบขาว กล่าวปกป้องการตัดสินใจของนายไบเดน โดยกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใฃ่เรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่น แต่เป็นเรื่องของการผลิตเหล็กของสหรัฐและการรักษาบริษัทผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐ ให้เป็นบริษัทที่ชาวอเมริกันเป็นเจ้าของ
กฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีพิจารณาขัดขวางธุรกรรม ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการด้านการลงทุนจากต่างชาติในสหรัฐ.-813.-สำนักข่าวไทย