อาเจะห์ 26 ธ.ค.-มหันตภัยสึนามิเมื่อ 20 ปีก่อน พื้นที่ที่ประสบภัยหนักที่สุด คือ จังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย ขณะนี้ประชาชนมีความตื่นตัวป้องกันภัยพิบัติด้วยการถอดบทเรียนในอดีต
ชุมชนริมชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินโดนีเซียได้รับการบูรณะฟื้นฟู จนแทบไม่เห็นร่องรอยจากภัยพิบัติที่ได้ทำลายบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างและคร่าชีวิตประชาชนมากถึง 126,000 คน เป็นจำนวนสูงที่สุดในบรรดาประเทศผู้ประสบภัยสิบกว่าประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตรวมกันราว 230,000 คน
ชาวจังหวัดอาเจะห์จำนวนมากมุ่งมั่นที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียเช่นนั้นอีก ด้วยการเตรียมความพร้อมรับมือและบรรเทาสาธารณภัย โดยเฉพาะการจัดวางระบบเตือนภัย เนื่องจากเมื่อครั้งเกิดเหตุเมื่อ 20 ปีก่อน ญาติมิตรของพวกเขาไม่มีโอกาสตั้งตัวรับมือหรือหลบหนี


เมืองบันดาอาเจะห์ เมืองเอกของจังหวัดอาเจะห์ มีการติดตั้งระบบตรวจจับแรงสั่นสะเทือนและระบบเตือนภัยสึนามิ ด้วยสัญญาณไซเรนที่ทันสมัย พร้อมกับส่งข้อความไปทางวิทยุและโทรศัพท์เคลื่อนที่เมื่อตรวจพบแผ่นดินไหวขนาดสูงกว่า 5 ขึ้นไป อีกทั้งยังมีการจัดซ้อมอพยพหนีภัยแผ่นดินไหวหรือสึนามิอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี ชาวบ้านบางส่วนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจัดการเรื่องมาตรการผังเมือง เนื่องจากถนนหนทางค่อนข้างแคบเป็นอุปสรรคต่อการอพยพ และต้องมีระบบบำรุงรักษาเพื่อไม่ให้ระบบขัดข้องเช่นที่เกิดขึ้นในเมืองปาลู จังหวัดซูลาเวซีกลางเมื่อปี 2561 ที่มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนจากแผ่นดินไหวขนาด 7.5 เนื่องจากไซเรนเตือนสึนามิไม่ทำงาน.-812(814).-สำนักข่าวไทย