สหประชาชาติ 21 ก.ย.- นายเฮนรี วาน เทียว รองประธานาธิบดีคนที่สองของเมียนมายืนยันต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่เริ่มดีขึ้นแล้วหลังจากถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
นายวาน เทียวกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นแทนนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐที่ยกเลิกการไปยูเอ็นว่า ยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าสถานการณ์ในรัฐยะไข่ดีขึ้นแล้ว ไม่มีการปะทะกันตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน อย่างไรก็ดี เมียนมากังวลใจที่มีรายงานว่าจำนวนชาวมุสลิมที่ข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศยังคงไม่ลดลง และจะหาสาเหตุในเรื่องนี้ นายวาน เทียวกล่าวถึงปฏิบัติการของกองทัพเมียนมาว่า เป็นไปเพื่อตอบโต้กลุ่มกบฏที่ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ และว่าชุมชนที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน พร้อมกับขอบคุณต่างชาติที่ให้การสนับสนุน รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขอรับปากว่าจะจัดสรรให้แก่ผู้เดือดร้อนทุกคนโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ
ยูเอ็นระบุว่า มีชาวโรฮิงญากว่า 420,000 คนหนีข้ามเข้าไปในบังกลาเทศเพราะถูกกองทัพเผาบ้าน สตรีถูกข่มขืน ขณะที่ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครงของฝรั่งเศสกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นว่า การกระทำของกองทัพเมียนมาเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์.-สำนักข่าวไทย