โซล 6 ธ.ค. – โฆษกหญิงพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ที่พยายามกระชากปืนไรเฟิลจากทหารระหว่างอยู่ด้านนอกอาคารรัฐสภาเมื่อคืนวันอังคาร กลายคลิปภาพที่เป็นไวรัลไปทั่วโลก และเป็นสัญลักษณ์ของชาวเกาหลีใต้ที่ต่อต้านการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี
อัน กวี-รยอง วัย 35 ปี โฆษกของพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ พยายามแย่งอาวุธปืนจากทหารนายหนึ่งท่ามกลางเหตุการณ์ที่วุ่นวายด้านนอกอาคารรัฐสภาเมื่อคืนวันพุธ หลังจากประธานาธิบดียุน ซ็อก ยอล ประกาศกฎอัยการศึกก่อนหน้านั้นไม่นาน จนเกิดความสับสนโกลาหลวุ่นวายไปทั้งประเทศ
อันบอกกับสื่อว่า เดินทางไปที่อาคารรัฐสภาช่วงที่ทหารนำกำลังไปที่นั่น ไม่นานหลังจากประธานาธิบดีประกาศกฎอัยการศึกทั่วเกาหลีใต้ เธอรู้สึกกังวลหลังได้ยินคำว่ากฎอัยการศึก ซึ่งเป็นคำที่แปลกแยกและห่างไกลสำหรับเธอ เพราะถูกประกาศใช้ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อ 45 ปีก่อน เธอเดินทางไปถึงสภาตอน 23.00 น. คืนวันอังคาร ไม่นานหลังจากผู้นำพรรคฝ่ายค้านเรียกให้ สส. ไปรวมตัวกันที่รัฐสภา เพื่อร่วมกันลงมติให้การประกาศกฎอัยการศึกเป็นโมฆะ เมื่อไปถึงอาคารหลักของรัฐสภา อันบอกว่า เห็นบรรดาทหารกำลังเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่สภา ผู้ช่วย สส. รวมถึงประชาชนบางส่วน เธอทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ได้ และคิดว่าไม่อยู่เฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงก้าวออกไปด้านหน้าและแย่งปืนไรเฟิลจากมือทหารนายหนึ่ง อันบอกว่า จริงๆ แล้วเธอกลัวนิดหน่อย แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก รู้แค่ว่าต้องหยุดสิ่งที่เกิดขึ้น
รัฐสภาได้ลงมติยกเลิกกฎอัยการศึกตอน 01.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น สส. ทั้ง 190 คนที่ปรากฏตัวที่นั่นล้วนลงมติให้ยุติกฎอัยการศึก ต่อมาตอน 04.26 น. ประธานาธิบดียุนก็ได้ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก หลังจากเหตุความวุ่นวายผ่านพ้นไป อันได้งีบหลับช่วงสั้น ๆ ภายในอาคารรัฐสภา กว่าจะได้กลับบ้านก็ในช่วงสายของอีกวัน เพราะวันรุ่งขึ้นตอนเช้าแทบไม่มียวดยานสัญจรด้านหน้าอาคารรัฐสภาเลย
อันบอกกับสื่อปิดท้ายว่า รู้สึกใจสลายและผิดหวังที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเกาหลีในศตวรรษที่ 21 และว่าถึงแม้พรรคประชาธิปไตยของเธอ ได้เสนอยื่นถอดถอนประธานาธิบดียุนออกจากตำแหน่ง โดยมีกำหนดจะลงมติถอดถอนในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ แต่เธอเชื่อว่า ประชาชนชาวเกาหลีใต้ทั้งประเทศต่างมีคำตอบในใจในเรื่องนี้แล้ว เพราะคงไม่มีใครไว้วางใจประธานาธิบดี ที่อยู่ๆ นึกอยากจะประกาศกฎอัยการศึกก็ทำไปอย่างง่ายๆ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในประเทศ ให้เป็นผู้นำทำหน้าที่บริหารประเทศได้อีกต่อไป.-815.-สำนักข่าวไทย