แคลิฟอร์เนีย 20 ก.ย.- นักแผ่นดินไหววิทยาในสหรัฐอธิบายว่า แผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.1 ทางตอนกลางของเม็กซิโกเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น เกิดจากแรงเบียดของแผ่นเปลือกโลกที่โก่งตัว มากกว่าแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นเลื่อนตัวไปซ้อนกัน
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นลงบทความของจอห์น วิเดล ผู้อำนวยการศูนย์แผ่นดินไหว มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียว่า แผ่นดินไหวใหญ่ทุกครั้งเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก แผ่นดินไหวเม็กซิโกช่วงหลังเที่ยงวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นเกิดจากแผ่นโคโคสที่ซ้อนอยู่ใต้แผ่นอเมริกาเหนือโก่งตัวแล้วเกิดแรงเบียด มากกว่าเกิดจากสองแผ่นนี้เลื่อนตัวเข้าหากัน แม้ว่าปกติแล้วจะเลื่อนตัวเข้าหากันปีละ 3 นิ้วก็ตาม พลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนตัวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 20 วินาที แต่ส่งคลื่นแรงสั่นสะเทือนนาน 1-2 นาทีตามพื้นที่เทือกเขาและหุบเขา
การโก่งตัวของแผ่นโคโคสยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.1 ทางตอนใต้ของเม็กซิโกก่อนเที่ยงคืนวันที่ 7 กันยายนตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยคน บาดเจ็บกว่า 300 คน ผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวล่าสุดหรือไม่ อย่างไรก็ดี แผ่นดินไหวล่าสุดเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 ที่กรุงเม็กซิโกซิตีเมื่อ 32 ปีก่อน ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 5,000-4,500 คน บาดเจ็บราว 30,000 คน.- สำนักข่าวไทย