ปารีส 5 ธ.ค. – การเมืองฝรั่งเศสเผชิญวิกฤติซ้ำอีกเมื่อสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีมิเชล บาร์นิเยร์ หลายฝ่ายรอฟังการแถลงท่าทีของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง
ชาวฝรั่งเศสรอฟังการแถลงท่าทีผ่านโทรทัศน์ของประธานาธิบดีมาครง ในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีนี้ ตามวันเวลาท้องถิ่น หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนฯ ลงมติสนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีบาร์นิเยร์ ผู้ดำรงตำแหน่งมาได้เพียง 3 เดือน เมื่อวานนี้
บรรดา สส.พรรคฝ่ายค้าน ทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ผนึกกำลังร่วมลงมติไม่ไว้วางใจ หลังนายบาร์นิเยร์ เลือกใช้อำนาจพิเศษทางการบริหารผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2568 ที่รวมถึงงบประมาณก้อนโตเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณ โดยไม่ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนฯ เพราะไม่สามารถหาเสียง สส. สนับสนุนได้เพียงพอ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
การแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจ นอกจากมีผลให้นายบาร์นิเยร์พ้นจากตำแหน่งแล้ว ยังทำให้รัฐบาลของเขาต้องสิ้นวาระตามไปด้วยรวมทั้งกฎหมายร่างงบประมาณ ที่เขาผลักดันก็กลายเป็นโมฆะ
ขณะนี้คาดหมายว่า นายบาร์นิเยร์ จะยื่นใบลาออกเร็วๆ นี้ และน่าจะรักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะรอประธานาธิบดีมาครงเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเร็ววันเช่นเดียวกันเพื่อเลี่ยงสภาพสุญญากาศทางการเมือง ไม่มีรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม อย่างน้อยน่าจะเป็นเพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ มีกำหนดเดินทางไปกรุงปารีส ช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมพิธีเปิดมหาวิหารนอเทรอดาม อีกครั้ง หลังการบูรณะซ่อมแซมจากเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ มาร่วม 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 2562
แต่กรณีที่ฝรั่งเศสจะยังไม่สามารถจัดเลือกตั้งครั้งใหม่ได้จนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้า ภาวะทางตันที่กำลังเกิดขึ้นในสภาผู้แทนฯ ที่ไม่มีฝ่ายใดครองเสียงข้างมากเด็ดขาด นับแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมิถุนายน จะยังดำเนินต่อไปพร้อมกับความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งอาจทำให้ฝรั่งเศสผ่านพ้นปี 2567 ไปโดยไม่มีรัฐบาล หรือกฎหมายงบประมาณประจำปี 2568 และอาจเสี่ยงเผชิญภาวะชัตดาวน์ ขาดงบประมาณสนับสนุนกิจการงานภาครัฐ เหมือนกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐได้.-816.-สำนักข่าวไทย