โซล 4 ธ.ค.- ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกระแสกดดันให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง จากการประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา แม้ว่าได้ยกเลิกประกาศในเช้าวันนี้แล้วก็ตาม
รัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ให้อำนาจรัฐสภายื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงออกจากตำแหน่ง หากมีเหตุให้เชื่อว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยละเมิดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย กระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีต้องใช้เสียงข้างมากของสมาชิกสมัชชาแห่งชาติซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติสภาเดียวจำนวน 2 ใน 3 เสียง ส่วนการถอดถอนเจ้าหน้าที่ระดับสูงใช้เสียงข้างมากธรรมดา
สภาเกาหลีใต้ชุดปัจจุบันมีพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักครองเสียงร่วมกับพรรคขนาดเล็ก 192 เสียงจากทั้งหมด 300 ที่นั่ง ขาดอีกเพียงไม่กี่เสียงก็จะถึง 2 ใน 3 ตามเกณฑ์การถอดถอนประธานาธิบดี ขณะที่พรรคพลังประชาชนที่เป็นรัฐบาลมี 108 เสียง สมาชิกสภาพรรครัฐบาลหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการประกาศกฎอัยการศึก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายค้านหรือไม่
หากสภามีมติว่าจะยื่นญัตติถอดถอน ประธานาธิบดีจะถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้นายกรัฐมนตรีทำหน้าที่รักษาการ ระหว่างนั้นศาลรัฐธรรมนูญจะให้ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมของสภาและเจ้าหน้าที่รัฐหรือทนายความแถลงด้วยวาจาเรื่องประธานาธิบดีละเมิดกฎหมาย โดยมีเวลาพิจารณาสูงสุด 6 เดือน และตัดสินด้วยคะแนนเสียงของผู้พิพากษา 6 ต่อ 9 ว่าจะรับหรือไม่รับญัตติของสภา ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มีผู้พิพากษาว่างอยู่ 3 ตำแหน่ง ยังไม่แน่ชัดว่าจะศาลจะไต่สวนทั้งที่ไม่ครบองค์คณะผู้พิพากษาหรือไม่
หากประธานาธิบดีถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือหากลาออกเอง นายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่รักษาการ และจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน นางพัก กึน-ฮเย บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีพัก จอง-ฮี เป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่มาจากการเลือกตั้งคนแรกที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ข้อหาคบคิดกับคนสนิท และข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ ส่วนเมื่อปี 2547 นายโนห์ มู-ฮยอน ประธานาธิบดีในขณะนั้นถูกยื่นญัตติถอดถอนโทษฐานไม่รักษาความเป็นกลางทางการเมือง แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับญัตติและให้เขาดำรงตำแหน่งจนครบวาระ 5 ปี ในปี 2551.-814.-สำนักข่าวไทย