ปธน.เกาหลีใต้ ยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว หลังประกาศกลางดึก

เกาหลีใต้ 4 ธ.ค. – ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศกฎอัยการศึกในประเทศกลางดึก อ้างพรรคฝ่ายค้านหนุนหลังเกาหลีเหนือและพยายามต่อต้านอำนาจรัฐ แต่สมาชิกรัฐสภาลงมติคัดค้านกฎอัยการศึกด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ท่ามกลางการประท้วงทั้งประเทศ สุดท้ายผู้นำเกาหลีใต้กลืนน้ำลายยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว


กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ทำให้ทั่วโลกทั้งตกตะลึงและแปลกใจไปตามๆ กัน กับกรณีประธานาธิบดียุน ซ็อก ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศกฎอัยการศึก ในการแถลงช่วง 22.23 น. กลางดึกวานนี้ (3 ธ.ค.) ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ YTN ทั่วประเทศ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีความจำเป็นเพื่อกำจัดกองกำลังต่อต้านรัฐไร้ยางอายที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ อันหมายถึงพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่นายยุนอ้างว่าสนับสนุนเกาหลีเหนือและทำกิจกรรมต่อต้านรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งในรัฐสภา เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า นายยุนไม่ได้อ้างภัยคุกคามที่เฉพาะเจาะจงจากเกาหลีเหนือ แต่กลับพุ่งเป้าไปที่คู่แข่งทางการเมืองในประเทศแทน

นายยุน กล่าวว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ อ้างพรรคฝ่ายค้านได้เข้ามามีบทบาทในการจับกระบวนการรัฐสภาเป็นตัวประกัน จนทำให้ประเทศเข้าสู่วิกฤติ


การเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจนี้สั่นสะเทือนไปทั่วประเทศ เพราะถือเป็นการประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ครั้งแรกในรอบ 44 ปี นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีชุน ดู-ฮวาน ประกาศในการทำรัฐประหารเมื่อปี 2523 หลังจากประธานาธิบดียุน ประกาศกฎอัยการศึกผ่านทางทีวีไม่นาน ประชาชนเริ่มออกมารวมตัวกันนอกอาคารรัฐสภา เรียกร้องให้ให้ถอนกฎอัยการศึกฉุกเฉิน และจับกุมตัวประธานาธิบดียุน

นอกจากนี้ยังมีทหารจำนวนหนึ่งพยายามเคลื่อนกำลังเข้าสู่อาคารรัฐสภา เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติ เป็นไปตามคำประกาศกฎอัยการศึกที่ห้ามทำกิจกรรมหรือชุมนุมทางการเมือง ทำเอาสถานการณ์บริเวณอาคารรัฐสภาเป็นไปอย่างอลหม่าน สมาชิกรัฐสภาพยายามผลักอันทหารไม่ให้เข้าไปด้านใน สมาชิกสภาบางส่วนถึงกับปืนรั้วด้านนอกเพื่อหวังเข้าไปใช้ประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ ท่ามกลางรถถังและเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอยู่บริเวณโดยรอบ

อย่างไรก็ดี สมาชิกรัฐสภา 190 คน จากทั้งหมด 300 คน ทั้งจากพรรครัฐบาลของประธานาธิบดียุนเอง และพรรคฝ่ายค้าน สามารถเข้าร่วมการประชุมสภาได้ โดยไม่สนใจคำสั่งห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองของผู้นำประเทศ ก่อนลงมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 190 ต่อ 0 ไม่ยอมรับและให้ยกเลิกคำประกาศกฎอัยการศึกดังกล่าว เพียง 2 ชั่วโมง หลังคำมีการประกาศโดยประธานาธิบดียุน และยืนยันว่าเป็นคำประกาศที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพราะสภาไม่รับรอง เรียกร้องให้ประธานาธิบดียุนยกเลิกคำสั่ง ไม่เช่นนั้นจะถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่ง ส่งผลให้ทหารบางส่วนในชุดปราบจลาจลทยอยออกจากอาคารรัฐสภาในเวลาต่อมา


จนเมื่อเวลา 05.18 น.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น (4 ธ.ค.) ซึ่งเร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง ประธานาธิบดียุนก็ตัดสินใจยกเลิกคำประกาศกฎอัยการศึกแล้ว หลังจากมีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นการยุติสถานการณ์ความสับสนอลหม่านทางการเมืองที่สุดในรอบหลายสิบปีของเกาหลีใต้ภายในคืนเดียว ส่วนประชาชนที่มาชุมนุมหน้ารัฐสภาต่างยินดีที่คำประกาศกฎอัยการศึกถูกยกเลิกในที่สุด

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้คำประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนล้มเหลวในครั้งนี้ มาจากการที่กองทัพดูเหมือนจะไม่พร้อมจะบังคับใช้กฎอัยการศึกตามคำสั่งผู้นำ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน จนดูเหมือนเป็นวิกฤติรัฐธรรมนูญ เนื่องจากฝ่ายค้านเกาหลีใต้ครองเสียงข้างมากในสภาจนรัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าบริหารประเทศได้อย่างเต็มกำลัง นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนรอบนี้เป็นเหมือนความพยายามก่อรัฐประหารด้วยซ้ำ ทำให้ผู้คนในประเทศวิตกกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะพันธมิตรของเกาหลีใต้จับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกังวล

ทั้งนี้ ประธานาธิบดียุนซึ่งดำรงตำแหน่งหลังชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2022 ถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ประชาชนเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่ยังสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ และเกินกว่าครึ่งต้องการให้เขาลาออกหรือถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เหตุผลสำคัญมาจากรัฐบาลของเขาไม่สามาถเดินหน้าผลักดันนโยบายและกฎหมายสำคัญๆ ได้เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากในสภา โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีกทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลหลายคน รวมถึง คิม กวอน-ฮี ภริยาของเขา ยังตกเป็นเป้าถูกสอบสวนเรื่องทุจริตและประพฤติมิชอบหลายอย่าง แต่ประธานาธิบดียุนก็ขัดขวางความพยายามของพรรคฝ่ายค้านในเรื่องนี้มาโดยตลอด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]